12 วิธีที่จะช่วยผ่อนคลาย ลดจิตคิดฟุ้งซ่าน ขจัดความกังวลในชีวิต

WM

ลองเช็กอาการกันก่อนว่าที่เราเป็นอยู่ใช่ความคิดฟุ้งซ่าน หรือความกังวลที่เกินขอบเขตไปไหม

ใครว่าล่ะว่าเมืองไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม แต่เชื่อเถอะค่ะว่าด้วยสถานการ์ณในหลายๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาชีวิตของแต่ล่ะนั้นก็ยิ้มได้ยาก บวกกับวิกฤษเศรษฐกิจ การเมือง สังคมที่รุมเร้า และภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับไว้แต่ล่ะเรื่องนั้น เรียกว่าถ้ามานั่งอ่านบทความนี้อยู่นั่นก็ถือว่าเก่งแล้วล่ะค่ะ ด้วยสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยให้เรามีความสุขทางด้านใดด้านหนึ่งแบบนี้ ปัญหาที่ตามก็คงเป็นปัญหาสุขภาพจิต ที่สุดท้ายก็ต้องมาส่งผลต่อสุขภาพกายอยู่ดี

มาลองหาวิธีที่จะช่วยผ่อนคลายความกังวล เลิกยึดติดกับความคิดฟุ้งซ่านไปไกล แล้วกลับมามีชีวิตปกติสุขอีกครั้งกันเถอะค่ะ สถานการณ์หลาย ๆ อย่างในปัจจุบัน อาจทำให้หลายคนมีความวิตกกังวล ยิ่งพอต้องกักตัวมาอยู่บ้าน เว้นระยะห่างจากสังคม ก็ยิ่งจมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา โฟกัสอะไรก็ยากเป็นเท่าตัว งั้นเอาเป็นว่าลองมาหาวิธีลดจิตฟุ้งซ่าน แก้อาการขี้กังวลของตัวเองในขั้นต้นดูก่อนไหมคะ

จิตฟุ้งซ่าน กังวลมากไป อาการนี้แหละใช่เลย !

ลองเช็กอาการกันก่อนว่าที่เราเป็นอยู่ใช่ความคิดฟุ้งซ่าน หรือความกังวลที่เกินขอบเขตไปไหม เพราะนอกจากอาการทางใจ อย่างคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้ว ความวิตกกังวลหรือคิดฟุ้งซ่านอาจส่งผลให้เกิดอาการทางกายได้ด้วย ตามนี้เลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/tumisu-148124/
  1. กล้ามเนื้อตึง ปวดเมื่อย
  2. ปวดศีรษะบ่อย
  3. กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิทำงาน หรือเรียน
  4. เบื่ออาหาร
  5. อาหารไม่ย่อย
  6. ท้องเสีย ท้องไส้ปั่นป่วน
  7. เหนื่อยง่าย รู้สึกเหนื่อยล้าไม่หาย
  8. นอนหลับยาก หรือนอนไม่หลับ

ทั้งนี้ ในบางคนที่เครียดและวิตกกังวลมาก ๆ อาจมีอาการหนักกว่านี้ เช่น ใจสั่น ตัวสั่น เหมือนจะเป็นลม เหงื่อออกมาก รู้สึกอึดอัด หายใจไม่สะดวก ซึ่งหากมีอาการถึงขั้นนี้ควรไปพบแพทย์โดยด่วน

วิธีลดจิตฟุ้งซ่าน ขจัดความกังวล

เมื่อสำรวจอาการของตัวเองแล้วตรงหลายข้อ ก็ได้เวลามาหาวิธีเลิกความคิดฟุ้งซ่าน กังวลกับทุกอย่างในชีวิตแบบง่าย ๆ แค่ทำตามนี้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@marcus-aurelius
  1. ฝึกควบคุมลมหายใจ

แค่โฟกัสมาที่ลมหายใจของตัวเอง ตั้งใจสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกช้า ๆ แค่นี้ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้มากแล้ว แถมยังเป็นการเรียกสมาธิแบบง่าย ๆ ด้วย

  1. ลุกออกไปจากความฟุ้งซ่าน

ถ้านั่งจมอยู่กับความกังวล คิดฟุ้งซ่านไปเยอะแยะ ให้ลุกออกไปสูดอากาศทันทีที่รู้สึกตัวเลยค่ะ โดยอาจจะออกไปเดินเล่น ชมนกชมไม้ ดูรถที่วิ่งผ่านไป-มาก็ได้ ปลดปล่อยความคิดจมปลักของตัวเองออกไปก่อน

  1. พาตัวเองเข้าสังคม

มนุษย์จำเป็นต้องมีสังคม เพราะเราต้องพึ่งพากันและกัน ดังนั้น อย่าสร้างโลกส่วนตัวแล้วอยู่แต่ในนั้น ไม่ติดต่อใคร ไม่คุยกับใคร เพราะอยู่เงียบ ๆ คนเดียวก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นจริงไหมคะ ลองแชตกับเพื่อน วิดีโอคอลหาญาติพี่น้อง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นดูบ้าง

  1. เล่นกับสัตว์เลี้ยง

หากมีสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ ๆ ก็แบ่งเวลามาเล่นกับพวกเขาบ้าง แล้วคุณจะพบว่า ช่วงเวลาที่อยู่กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก เหมือนได้พลังบวก ได้ปลดปล่อยทุกความกังวลและความทุกข์ไปชั่วขณะหนึ่งเลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bep-22912/
  1. คิดบวก

ยอมรับไหมล่ะว่าความกังวลและความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองล้วนแต่เป็นเรื่องในแง่ลบทั้งนั้น ดังนั้น ลองเปลี่ยนมุมมองมาคิดในแง่บวกดูบ้าง หรืออย่างน้อยก็คิดอะไรที่สร้างสรรค์ เช่น ปัญหาที่เราเจอยังอาจจะดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับคนที่ลำบากกว่า หรือหากตกงาน ลองคิดดูบ้างก็ได้ว่านี่อาจเป็นโอกาสให้เราได้กลับมาแอ็คทีฟตัวเองให้มากขึ้น และเราอาจเป็นคนที่เก่งได้มากกว่าที่เราคิดซะอีก

  1. บอกตัวเองให้หยุดฟุ้งซ่าน

หากความคิดในหัวสับสนวุ่นวายไปหมด ลองตะโกนคำว่า “หยุด !” ในใจสักที ไม่แน่ว่าวิธีนี้อาจจะช่วยหยุดความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นได้จริง ๆ ก็เป็นได้

  1. หากิจกรรมที่ชอบทำ

ดูซีรีส์ ฟังเพลง อ่านนิยาย ปลูกต้นไม้ เก็บบ้าน หรือทำอาหารเมนูใหม่ ๆ ชอบทำกิจกรรมไหนก็จัดไปอย่าให้เสีย ดีกว่าเอาเวลาไปนั่งจมอยู่กับความกังวลที่ไม่รู้จบ

  1. โฟกัสกับสิ่งที่ทำและอยู่กับปัจจุบัน

หลายครั้งที่จิตเราหลุดไปกับความฟุ้งซ่านเพราะเราหลุดโฟกัสกับปัจจุบันนี่แหละค่ะ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองเหม่อลอย แต่ให้เพ่งสมาธิไปกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ หรือหากตกอยู่ในภวังค์ กำลังกังวลไปเรื่อย ก็รีบดึงตัวเองมาสู่ปัจจุบันว่ากำลังทำอะไร อยู่ตรงไหน หรือกำลังมองอะไรอยู่

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stocksnap-894430/
  1. บรรยายสิ่งที่ตัวเองกังวลด้วยการเขียน

กังวลกับเรื่องไหน ฟุ้งซ่านไปกับเรื่องอะไรบ้าง หยิบปากกาแล้วเขียนบรรยายออกมาให้หมดไปเลย จากนั้นลองอ่านทวนดูอีกสักครั้ง แล้วถือโอกาสแยกแยะให้ออกว่า ความกังวลของเราเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขจริง ๆ หรือเป็นความกังวลล่วงหน้าไปเอง ทั้งที่ยังไม่เกิดปัญหาขึ้นเลย

  1. วางแผนชีวิตให้ตัวเอง

ถ้าความกังวลจนฟุ้งซ่านของคุณเป็นเพราะรู้สึกว่าทำอะไรไม่ทัน งานเยอะ เรื่องเรียนแยะไปหมด ลองตั้งสติแล้ววางแผนชีวิตตัวเองใหม่ดูไหม จัดลำดับความสำคัญในสิ่งที่ต้องทำลิสต์เป็นข้อ ๆ แล้วดำเนินตามตารางนั้นไป ชีวิตจะได้กลับเข้าสู่โหมดปกติ ไม่ต้องฟุ้งซ่านให้เหนื่อย

  1. ใช้ธรรมะเข้าช่วย

หากจิตใจฟุ้งซ่าน ว้าวุ่นนัก อยากให้ลองมาทางสายธรรมะ โดยอาจจะนั่งสมาธิ ฝึกสติปัญญา หรือสวดมนต์ ฟังธรรมะก็ได้ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็น่าจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นบ้างล่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@chokniti-khongchum-1197604
  1. พบจิตแพทย์

ถ้าความกังวลและฟุ้งซ่านรบกวนชีวิตจนเกินไป กระทบไปทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ทำให้เรามีความสุขเหมือนเดิมไม่ได้ แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ หรือลองโทร. สายด่วนสุขภาพจิต ก่อนก็ได้ค่ะ

เรียกได้ว่าปัญหาสาระพัดแสนแปดแบบนี้ไม่ว่าใครก็ย่อมอ่อนแอลงกันบ้างแหล่ะค่ะ เป็นเรื่องธรรมดาแต่ถ้าใครที่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกกังวล รู้สึกอ่อนแอแล้วอาจจะลองหาที่ปรึกษาปัญหา ที่ระบายให้กับคนที่ไว้ใจได้ก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ ถึงแม้ว่าปัญหาจะไม่ได้แก้จนหายหมดไปแต่อย่างน้อยในใจของทุกคนก็จะเบาขึ้น การแบกรับปัญหาที่เกิดขึ้นทุกอย่างไว้คนเดียวมันเป็นเรื่องเหนื่อย และยากลำบากมากค่ะแต่อยากน้อยถ้าได้ระบายออกมาให้คนอื่นรับรู้บ้าง DooDiDo เชื่อว่าพวกเค้าก็จะคอยซัพพอร์ตและดูแลคุณเสมอค่ะ และสักวันหนึ่งความเศร้าในใจของคุณก็อาจจะมะลายหายไป

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.gangbeauty.com