อย่าละเลย!! น้ำตาลในเลือดสูง อาจเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ง่าย
ข้อควรรู้สาเหตุการเกิดโรคเบาหวาน และมีวิธีป้องกันโรคนี้ได้อย่างไร?
ปัจจุบันนี้ โรคที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเป็นกันเยอะๆ ก็คงไม่พ้น เบาหวาน นี่แหล่ะค่ะ เพราะในปัจจุบันนั้นน้ำตาลไม่ใช่ของหายากและราคาก็ไม่แพง และอาหารทุกอย่างๆ ที่รสชาติดี ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักโดยส่วนใหญ่ ซึ่งสำหรับใครที่ลืมตัว เพลิดเพลินไปกับอาหารรสชาติดีทั้งหลายแล้วนั้นก็ส่วนใหญ่ก็จะเผชิญกับโรค เบาหวาน นี่แหล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วหากใครที่อยากให้สุขภาพของตัวเองเป็นสุขภาพที่ดี ยืนยาวแล้ว การเลือกทานอาหารนั้นก็เป็นเรื่องที่พึงระวังค่ะ
ถ้าหากจะมองในมุมของผู้ประกอบการแล้ว การขายขนมหรืออาหาร เครื่องดื่มที่มีรสชาติที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ต้องนึกถึงอันดับแรกเลยใช่มั้ยล่ะคะ แน่นอนว่า น้ำตาล นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องปรุงที่จะทำให้อาหาร ขนม เครื่องดื่มของเรามีรสชาติที่ดี ถึงจะมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากมาย แต่ถ้าหากมองในมุมผู้บริโภคเพื่อสุขภาพแล้ว น้ำตาลไม่ใช่สิ่งที่ควรทานในปริมาณมากๆ ได้เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงอยากจะมาย้ำเตือนทุกคนอีกทีว่าใครที่กำลังเพลิดเพลินไปกับรสชาติอาหารอร่อยๆ หวานๆ อยู่แล้วล่ะก็ควรหยุดคิดซักนิดก่อนทานนะคะ
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าเกณฑ์ค่าปกติ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน
- มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เกิน 99 มก./ดล. หลังอดอาหาร 8 ชม.
- มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เกิน 140 มก./ดล. หลังมื้ออาหาร 2 ชม.
เบาหวาน เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนเป็นพลังงานผิดปกติ หากปล่อยไว้นาน มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคตา โรคของระบบประสาท เป็นต้น
สาเหตุการเกิดโรคเบาหวาน
- ความอ้วน : พบว่า 80% ของคนอ้วน มีโอกาสเป็นโรคเบาหวาน
- ตับอ่อนทำงานผิดปกติ : ตับอ่อนมีหน้าที่ในการผลิตอินซูลิน ถ้าตับอ่อนเกิดความผิดปกติ จะส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานได้
- การเลือกรับประทานอาหาร : การทานอาหารประเภทแป้ง ไขมัน หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้อินซูลินเกิดความผิดปกติ
- กรรมพันธุ์ : หากพ่อแม่ หรือญาติ พี่ น้อง มีประวัติเป็นเบาหวาน มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้เช่นกัน
อาการของโรคเบาหวาน
- ปัสสาวะบ่อย และมีปริมาณมาก
- รู้สึกหิวบ่อย กระหายน้ำ
- ตาแห้ง สายตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัด แบบที่หาสาเหตุไม่ได้
- รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย
- บาดแผลหรือรอยช้ำหายช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะแผลที่เกิดกับบริเวณเท้า
- รู้สึกชาตามปลายมือปลายเท้า หรือรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ปลายเท้า หรือที่เท้า
- น้ำหนักลดผิดปกติ ร่างกายซูบผอมลงผิดปกติ โดยไม่สามารถหาสาเหตุได้
- มีปัญหาที่ผิวหนัง ผิวแห้ง เกิดอาการคันบริเวณผิว
ป้องกันโรคเบาหวานได้อย่างไร?
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และสารอาหารครบถ้วน และมีกากใยสูง
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต อาหารไขมันสูง ขนม เครื่องดื่มที่มีความหวาน
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
- ออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย และลดระดับน้ำตาลในเลือดลง
- แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ ในแต่ละวัน เพื่อช่วยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล และฮอร์โมนอินซูลิน
- หมั่นตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือด ค่าน้ำตาลปกติ คือน้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
อย่างไรแล้วสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคนี้แล้วก็ไม่ตลกเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าหากได้รับคำแนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญแล้วล่ะก็ DooDiDo เชื่อได้เลยว่า โรคเบาหวานนี้ก็จะหายได้ แต่สำหรับใครที่กำลังเพลินไปกับการดื่มชานมไข่มุก หรือกาแฟ(น้ำตาล)เข้มๆ ขนมหวานแสนอร่อย อยู่แล้วล่ะก็ควรจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการปรุงและเลือกทานอาหารให้ดีเลยนะคะ เพราะถ้าเผลอไปอาจจะมีสัญญาณเตือนของโรคร้ายนี้มาโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากจะให้ทุกคนไปตรวจสุขภาพประจำปีในทุกๆ ปีด้วยก็จะชัวร์ที่สุดว่าร่างกายเรากำลังแย่อยู่หรือเปล่านั่นเองค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: www.cgh.co.th