หากใช้สมุนไพรอย่างผิดวิธีอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้!!

WM

สมุนไพรแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ วิธีการใช้ และปริมาณในการใช้ที่แตกต่างกัน

ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรแล้วล่ะก็ เชือได้เลยว่ายังไงหลายๆ คนก็น่าจะเทให้ทั้งใจว่าไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรอะไรก็ตามทีก็จะเป็นสมุนไพรที่ดีมีประโยชน์ ต่อสุขภาพแน่นอนแล้วสมุนไพรนั้นก็มีหลากหลายชนิด หลากหลายแบบและหลากหลายสรรพคุณให้เราได้ทานเพื่อสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้นล่ะค่ะ แต่ก็แน่นอนด้วยค่ะว่าต่อให้เป็นสมุนไพรที่ดีขนาดไหนแต่ถ้าหากนำไปใช้แบบผิดๆ แล้วก็เชื่อได้ว่ายังไงก็สามารถให้โทศได้เหมือนๆ กับทุกอย่างเลยนั่นล่ะค่ะ

สมุนไพร คือยาที่ได้มาจากพืช แร่ธาตุ สัตว์ ที่สามารถนำไปใช้เพื่อบำรุงร่างกายและรักษาโรค โดยอาจอยู่ในรูปแบบของอาหารยาแผนโบราณ หรืออาหารเสริมที่อาจสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เสริมสุขภาพหัวใจ อาจลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง สมุนไพรแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ วิธีการใช้ และปริมาณในการใช้ที่แตกต่างกัน หากใช้อย่างผิดวิธีหรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@tamanna-rumee-52377920

ประโยชน์ของสมุนไพร

สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ทั้งอาจช่วยรักษาโรค บรรเทาอาการ หรือใช้สำหรับบำรุงร่างกาย สมุนไพรที่นิยมใช้ในครัวเรือน ดังนี้

1. ขมิ้นชัน เป็นเครื่องเทศที่เป็นแหล่งของเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ จากงานวิจัยในวารสาร Traditional and Complementary Medicine ประเทศเนเธอร์แลนด์ ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า สารเคอร์คูมินอาจช่วยบรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ และการรับประทานขมิ้นอาจช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้

2. พริกแห้ง พริกสด พริกป่น เป็นแหล่งแคปไซซิน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น จากงานวิจัยในวารสาร Open Heart ประเทศอังกฤษ ปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า แคปไซซินอาจช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ เร่งการเผาผลาญ และอาจช่วยลดไขมันหน้าท้อง ลดความอยากอาหารได้

3. อบเชย มีแคลอรี่ต่ำมาก อาจช่วยต้านการอักเสบจากสารอนุมูลอิสระและช่วยต่อสู้กับแบคทีเรีย และจากงานวิจัยในวารสาร Pharmacognosy Research ปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า อบเชย อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้

4. กระวาน มีแร่ธาตุสูง เช่น แมกนีเซียม สังกะสี อาจช่วยบรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วน และจากการวิจัยในวารสาร Lipids in Health and Disease ประเทศอังกฤษ ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า กระวานมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟีนอล เควอซิทิน เรสเวอราทรอล ที่อาจช่วยต้านการอักเสบ ท้องผูก ท้องเสีย อาการจุกเสียด โรคลมบ้าหมู โรคหัวใจและหลอดเลือด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stevepb-282134/

5. กระเทียม เป็นแหล่งของอัลลิซิน (Allicin) ที่อาจลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ และจากงานวิจัยในวารสาร BMC Cardiovascular Disorders ปี พ.ศ.2551 พบว่า การรับประทานกระเทียมเป็นประจำอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความดันโลหิต ซึ่งลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

6. ขิง อาจช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและบรรเทาอาการคลื่นไส้ จากงานวิจัยในวารสาร Gastroenterology Research and Practice ปี พ.ศ. 2558 พบว่า ขิงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ และอาจลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้

7. สะระแหน่ มีฤทธิ์เย็น มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหาร สุขภาพหัวใจ หลอดเลือด และปอด โดยอาจช่วยขยายหลอดลมทำให้หายใจสะดวกขึ้นเมื่อสูดดม นอกจากนี้ สะระแหน่ยังอาจมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อได้อีกด้วย

8. ผงยี่หร่า อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก อาจช่วยลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ปี พ.ศ. 2562 และในวารสาร BMC Complementary Medicine and Therapies ปี พ.ศ.2564 พบว่า ยี่หร่ามีฟีนอลิก (Phenolic) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดน้ำหนัก ควบคุมคอเลสเตอรอล และจัดการความเครียดได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/casellesingold-4881038/

9. ว่านหางจระเข้ อาจมีฤทธ์ช่วยเร่งสมานแผล โดยเฉพาะแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก จากงานวิจัยในวารสาร Iranian Journal of Medical Sciences ปี พ.ศ. 2562 พบว่า ว่านหางจระเข้สามารถเร่งสมานแผลไฟไหม้ได้ เมื่อเทียบกับยาทั่วไป นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันรอยแดง อาการคัน และการติดเชื้อ

สารพิษจากสมุนไพร

สมุนไพรหลายชนิดที่มีสารเคมีที่เป็นพิษร้ายแรงที่เป็นอันตราย หากใช้สมุนไพรอย่างผิดวิธี หรือได้รับในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น

  • ยี่โถ เคยมีคำแนะนำให้เอายี่โถไปต้มน้ำดื่มแก้โรคพิษสุราเรื้อรัง แต่เมื่อผู้ป่วยรับประทานไปแล้วทำให้มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง และหากรับประทานมากเกินไปยี่โถอาจมีฤทธิ์กดการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นช้าลงหรืออาจจะหยุดเต้นได้
  • มะเกลือ มีสรรพคุณในการขับถ่ายพยาธิ แต่มะเกลือแก่สีดำอาจมีสารแนพทาลีน ที่ส่งผลเสียต่อระบบประสาทโดยตรง ทำให้มีอาการอาเจียน มีไข้ ท้องเสีย อาการตามัว ตามองไม่เห็นหรือตาบอดได้
  • ลำโพง ส่งผลเสียต่อระบบประสาทโดยตรง หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้มีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ผิวหนังร้อนแดง ตาพร่ามัว ตาไม่สู้แสง ประสาทหลอน และคลุ้มคลั่ง
  • ว่านหางจระเข้ มีผลข้างเคียงน้อยเมื่อใช้อย่างถูกต้อง แต่หากรับประทานว่านห่างจระเข้มากเกินไปอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย เนื่องจากว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
  • กระเทียม การรับประทานกระเทียบดิบในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้มีกลิ่นปาก เสียดท้อง มีแก๊สในกระเพาะ ท้องเสีย หรืออาจมีอาการแพ้ในบางคน
  • ฟ้าทะลายโจร หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชา อ่อนแรง ในบางคนอาจมีอาการเบื่ออาหารปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษ
  • ขิง การรับประทานขิงมากเกินไปอาจทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง มีแก๊สในกระเพาะ เสียดท้อง ท้องเสีย คันปาก และอาจเพิ่มความเสี่ยงตกเลือดในผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ

อย่างไรก็ตามแล้วเมื่อเราเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเราไม่ปกติ หรือรู้ว่ามีส่วนไหนที่รู้สึกแย่บางครั้งเราก็สามารถลองเลือกใช้สมุนไพรบางชนิดก็สามารถช่วยให้อาการแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรานั้นดีขึ้นได้เหมือนกัน แต่ DooDiDo ขอแนะนำว่านอกจากที่เราจะต้องรู้สึกสรรพคุณดีๆ แล้วทุกคนก็ไม่ควรที่จะพลาดไปกับสรรพคุณด้านลบหรือก็คือโทษของสมุนไพรเหล่านั้นด้วยค่ะ หรือถ้าจะให้ดีอย่างไรก่อนที่จะเลือกทานสมุนไพรอะไรซักอย่างแล้วก็ควรที่จะศึกษาหาข้อมูลให้ครอบคลุมหรือปรึกษาแพทย์ที่ดูแลคุณอย่างใกล้ชิดอยู่ด้วยก็จะดีไม่น้อยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.sanook.com