มาดู!! 10วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นควรทาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

WM

แนะนำ 10 วิตามินดีๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง

ในหลายๆ ครั้งทุกคนก็พอจะร้ใช่มั้ยล่ะคะว่า ที่เราดูแลสุขภาพอยู่ตลอดนั้น อย่างการเลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์นั้นก็เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกันล่ะค่ะ แต่หลายๆ คนเคยมีปัญหาอย่างการแพ้อาหาร แพ้นั้นแพ้นี้มั้ยล่ะคะ ทั้งที่อาหารเหล่านั้นต่างก็มีแต่คุณประโยชน์ต่อร่างกายของเราแท้ๆ แต่เรากลับแพ้มันซะนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้เติมเต็มสารอาหารดีๆ เหล่านั้นเข้าไปด้วย จนสุดท้ายก็ต้องเลือกทานวิตามินเสริมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงแทน ในวันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำวิตามินดีๆ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ทุกคนค่ะ ถ้าหากใครที่อยากเลือกหาทานวิตามินเพื่อสุขภาพอยู่แล้วล่ะก็ เรื่องราวในวันนี้รับรองว่าจะต้องเป็นแนวทางที่ดีได้แน่นอนเลย

สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ทำงานหนักทั้งวันยิ่งต้องหมั่นหาเวลาดูแล! โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว และวัยผู้ใหญ่ที่มักละเลยการเอาใจใส่สุขภาพ จนทำร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดวิตามินและแร่ธาตุจำเป็น (Hidden Hunger) เอาได้ง่ายๆ ชวนมาทำความรู้จัก 10 วิตามินและแร่ธาตุหลักๆ ที่ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาด!

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/silviarita-3142410/

ป่วยบ่อย อ่อนเพลียง่าย เพราะร่างกายขาดวิตามิน

ความว้าวุ่นใจของคนยุคใหม่ที่มักเข้าใจว่าทำงานหนักตลอดเวลา คือความ Productive บวกกับพฤติกรรมกระตุ้นต่างๆ ที่คนทุกวัยกำลังเผชิญอยู่มาก คือ การนอนดึก พักผ่อนน้อย และพฤติกรรมเนือยนิ่ง หรือการนั่งๆ นอนๆ ในทุกๆ กิจกรรมที่ทำเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ตรงตามความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้สุขภาพเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เช่น ผิวแห้ง ผมร่วง นอนหลับยาก อ่อนเพลียเรื้อรัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริวบ่อยกว่าปกติ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจกระทบต่อความแข็งแรงของระบบภูมิต้านทาน จนร่างกายเสี่ยงเจ็บป่วยได้ง่ายมากกว่าเดิม

10 วิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย

แม้วิตามินและแร่ธาตุ จะถูกจัดให้อยู่ในหมวดของสารอาหารรอง (Micronutrient) แต่ยังคงเป็นสารอาหารจำเป็นที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ 10 วิตามินและแร่ธาตุต่อไปนี้ที่ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายต้องขาด!

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ben_kerckx-69781/

1.วิตามินเอ (Vitamin A)

หนึ่งในวิตามินสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพด้านการมองเห็น และการเจริญเติบโตต่างๆ เช่น กระดูก ผิวพรรณ เส้นผมไปจนถึงฟัน โดยปริมาณวิตามินเอที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายจะอยู่ที่ 900-1,000 ไมโครกรัมต่อวัน และในผู้หญิงอยู่ที่ 700-800 ไมโครกรัมต่อวัน

2.วิตามินบี (Vitamin B)

สารอาหารจำเป็นที่แยกย่อยออกไปได้อีกกว่า 13 ชนิด แต่สามารถพบได้ในรูปแบบของวิตามินบีรวม (Vitamin B complex) ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลร่วมด้วยได้ และมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของร่างกาย โดยแต่ละวันร่างกายควรได้รับวิตามินบีแต่ละชนิดไม่เกิน 25-50 มิลลิกรัมต่อวัน

3.วิตามินซี (Vitamin C)

สารอาหารสำคัญที่เด่นดังในการดูแลผิว ช่วยชะลอความแก่และลดริ้วรอย ทั้งยังมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของไข้หวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นวิตามินจำเป็นแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ ซึ่งในแต่ละวันร่างกายควรได้รับวิตามินซีให้ได้อย่างน้อย 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน

4.วิตามินดี (Vitamin D)

หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ผ่านแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า โดยมีหน้าที่หลักในการควบคุมกระบวนการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้าสู่ร่างกาย จึงช่วยชะลอหรือป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูกได้ โดยในแต่ละวันร่างกายควรได้รับวิตามินดีไม่เกิน 50 ไมโครกรัม

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/stevepb-282134/

5.วิตามินอี  (Vitamin E)

หนึ่งในสารอาหารที่ถูกนำไปใช้ทางด้านความงามเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้เป็นอย่างดี ส่งผลดีต่อผิวพรรณ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อด้วยได้ โดยแต่ละวันควรรับวิตามินอีไม่เกิน 1,000 ไมโครกรัม

6.แคลเซียม (Calcium)

สารอาหารจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ ต้องอาศัยการดูดซึมแคลเซียมในระบบลำไส้เป็นหลัก โดยแคลเซียมจะคอยทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคเกี่ยวกับกระดูกได้ เช่น โรคกระดูกพรุน และกระดูกบาง โดยร่างกายควรได้รับปริมาณแคลเซียมอยู่ที่ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

7.ธาตุเหล็ก (Iron)

สารอาหารสำคัญที่ช่วยลดความรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง จึงมีส่วนช่วยในการเสริมความแข็งแรงให้เม็ดเลือดในร่างกาย สามารถยับยั้งภาวะโลหิตจางได้ โดยแต่ละวันร่างกายควรได้รับธาตุเหล็กอยู่ที่ 10-15 มิลลิกรัมต่อวัน

8.โพแทสเซียม (Potassium)

มีบทบาทสำคัญต่อปริมาณออกซิเจนที่ถูกนำไปเลี้ยงในสมอง จึงมีผลต่อความสามารถในการจดจำและการเรียนรู้ ช่วยบรรเทาความเครียดหรือความวิตกกังวลให้ลดลงได้ ถือเป็นอีกหนึ่งสารอาหารไฮไลต์ที่ช่วยเติมความรู้สึกผ่อนคลายให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี ในแต่ละวันร่างกายควรได้รับปริมาณโพแทสเซียมอยู่ที่ 2,000-3,000 มิลลิกรัม

9.แมกนีเซียม (Magnesium)

องค์ประกอบสำคัญที่มีอยู่ในโครงสร้างกระดูกทั่วทั้งร่างกาย มีหน้าที่สำคัญต่อการรักษาสมดุลแคลเซียมในกระดูกและในเลือด ทั้งยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญ เปลี่ยนไขมันและคาร์โบไฮเดรตไปเป็นพลังงานจำเป็น หากร่างกายมีปริมาณแมกนีเซียมเพียงพอ จะเป็นผลดีต่อการลดความรู้สึกเหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลียที่เกิดจากภาวะเครียดสะสมในชีวิตประจำวัน โดยร่างกายควรได้รับแมกนีเซียมอยู่ที่ปริมาณ 300-800 มิลลิกรัมต่อวัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bru-no-1161770/

10.ไอโอดีน (Iodine)

สารอาหารจำเป็นที่มีหน้าที่ควบคุมระบบประสาทและสมอง จึงเป็นสารอาหารแนะนำในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้และสมองในเด็ก ทั้งยังส่งเสริมการทำงานของหัวใจให้ทำงานได้ตามปกติ นอกจากนี้ไอโอดีนยังเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมระบบเผาผลาญ จึงเปรียบเสมือนผู้ช่วยควบคุมน้ำหนักให้ร่างกายอีกทางหนึ่ง ควรรับปริมาณไอโอดีนให้ได้อย่างน้อยวันละ 150 ไมโครกรัมต่อวัน

อย่างไรแล้วเจ้าพวกวิตามินเหล่านี้นั้นก็มีสารอาหารที่ดีมากมายก็จริงนะคะ แต่ก่อนอื่นที่เราจะเลือกซื้อมารับประทานเองแล้วล่ะก็ DooDiDo คิดว่าทุกคนจะต้องรู้ก่อนด้วยว่าร่างกายของเรานั้นมีสารอาหารอะไรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปบ้าง มีสัญญาณเตือนภัยอะไรต่อสุขภาพที่คุณอาจมองข้ามไปหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องนี้นั้นถ้าจะให้คอนเฟิร์มอย่างแน่ชัดก็ควรที่จะไปปรึกษาแพทย์ก่อน และควรขอคำปรึกษาในเรื่องของยา อาหารเสริมวิตามินที่เราจะเลือกทานก่อนด้วย นั่นก็จะเป็นวิธีที่จะปลอดภัยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.cigna.co.th