ท้องผูก ถ่ายไม่ออก ต้องแก้ให้ถูกวิธี

ท้องผูก

ท้องผูก คืออาการที่ไม่มีการขับถ่ายในระยะเวลานาน, การมีอุจจาระที่แข็งและยากต่อการขับถ่าย, การใช้เวลาขับถ่ายนาน, การเบ่งช่วยและมีอาการเจ็บ และอาการอื่นๆ ส่วนมากจะเกิดอาการกับคนที่ดื่มน้ำน้อย, ทานอาหารที่ไม่มีไฟเบอร์ รวมถึงคนที่อยู่ในภาวะเครียด ในบทความนี้จะทำให้เข้าใจถึงความหมายอาการท้องผูก, สาเหตุ, อาการ, การป้องกัน และอาหารที่ช่วยลดอาการท้องผูก

ท้องผูก
รูปประกอบจาก pexels.com

ท้องผูก มีความว่าอย่างไร

ท้องผูก หมายถึงภาวะที่มีความถี่ในการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติ โดยมีลักษณะอุจจาระที่แข็งและมีอาการถ่ายลำบาก ต้องใช้แรงเบ่งมากเวลาถ่ายอุจจาระ หรือใช้เวลาในการขับถ่ายเป็นเวลานาน มีอาการปวดอยากถ่ายอีกภายหลังจากถ่ายอุจจาระไปแล้ว เป็นปัญหาทางเดินอาหารที่ลำไส้ถูกทำให้การการผ่อนคลายลดลงทำให้ของเหลวในลำไส้ถูกดูดกลับ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดปัญหาท้องผูก เช่น การดื่มน้ำไม่เพียงพอ, การบริโภคไฟเบอร์น้อย ,สุขภาพลำไส้ไม่ดี, การใช้ยาระบายที่หยุดใช้, ภาวะความเครียด

สาเหตุของท้องผูก

ท้องผูกเกิดจากการลำไส้ทำงานช้าลง ทำให้ของเหลวในอุจจาระถูกดูดกลับน้อยลงและของเหลวที่เหลือน้อยมาก ทำให้มีอุจจาระอยู่ในลำไส้นานขึ้น และกลายเป็นอุจจาระที่แข็งและลำบากในการถ่ายท้อง เป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาพฤติกรรมทางอาหารและการดูแลสุขภาพทางเดินอาหาร ถ้าคุณมีปัญหาท้องผูกเป็นเวลานานหรือมีอาการที่รุนแรงควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดปัญหาท้องผูกได้ เช่น

  • การบริโภคน้ำไม่เพียงพอ: การดื่มน้ำไม่เพียงพอสามารถทำให้มีการสูญเสียน้ำในลำไส้มากขึ้น และทำให้ของเหลวในอุจจาระน้อยลง
  • การบริโภคไฟเบอร์น้อย: ไฟเบอร์เป็นสารที่ช่วยเพิ่มปริมาณของเซลลูโลสในอุจจาระซึ่งทำให้ลำไส้ดีขึ้น ถ้าคุณไม่ได้รับไฟเบอร์เพียงพอจากอาหาร อาจทำให้ท้องผูก
  • สุขภาพลำไส้ไม่ดี: มีสารสกัดหรือสารพิษที่สะสมในลำไส้อาจส่งผลให้การทำงานของลำไส้ลดลง
  • การใช้ยาระบายที่หยุดใช้: บางครั้งการใช้ยาระบายเป็นเวลานานหรือใช้ยาระบายที่มีความเข้มข้นมากจนมีความเสี่ยงที่จะทำให้ลำไส้เสื่อมเสีย
  • ภาวะความเครียด: การวิตกกังวลหรือความเครียดมีความเกี่ยวข้องกับการท้องผูก
  • โรคทางเดินอาหาร: บางโรคทางเดินอาหาร เช่น ภูมิคุ้มโรคที่กระทบถึงระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดปัญหาท้องผูก
  • การใช้ยาหลายชนิด: บางยาที่ใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ อาจมีผลต่อการทำงานของลำไส้

อาการท้องผูก

อาการท้องผูกเกิดจากความผิดปกติในการส่งผลของกล้ามเนื้อลำไส้ หรือการได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดท้องผูกสามารถรวมถึง

  • การถ่ายท้องลำบาก: การถ่ายท้องที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น ถ่ายท้องน้อยมากหรือหลายวัน ทำให้ท้องผูก
  • ท้องอืดและปวด: ท้องบวม, ท้องอืด, ปวดท้อง เป็นอาการที่บ่งชี้ถึงการสะสมของอาหารหรือของเหลวในลำไส้ทำให้ท้องผูก
  • อาการเครียด: ความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารอาจส่งผลให้รู้สึกเครียดหรือไม่สบายในท้อง
  • น้ำหนักในลำไส้: การรับรู้น้ำหนักในลำไส้, บวม หรือปวดรุนแรงในบางกรณี
  • รู้สึกไม่สบาย: บางครั้งคนที่ท้องผูกอาจรู้สึกว่าไม่แตกต่างหรือไม่สบาย เนื่องจากการถ่ายท้องไม่ปกติ

การป้องกันท้องผูก

การป้องกันท้องผูกมีหลายวิธีที่สามารถนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการทำงานปกติของทางเดินอาหารและลำไส้. นี่คือบางวิธีที่สามารถช่วยป้องกันท้องผูก

  • บริโภคไฟเบอร์เพียงพอ: การบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก, ผลไม้, ธัญพืช สามารถช่วยเพิ่มปริมาณของเซลลูโลสในอุจจาระและส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ สามารถลดอาการท้องผูกได้
  • ดื่มน้ำมาก: การดื่มน้ำมากเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในอุจจาระและลำไส้
  • ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และลดความเครียดที่อาจเป็นสาเหตุของท้องผูก
  • บริโภคอาหารที่มีสารอาหารดี: การบริโภคอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน, ไขมันดี, วิตามิน สามารถส่งเสริมการทำงานปกติของระบบทางเดินอาหาร
  • ลดการบริโภคสารไวต่อทางเดินอาหาร: การลดการบริโภคอาหารที่มีสารไวต่อทางเดินอาหาร เช่น อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดท้องผูก
  • รับประทานอาหารตรงเวลา: การรับประทานอาหารในเวลาที่ประจำทุกวัน สามารถส่งเสริมการทำงานปกติของลำไส้
  • การลดการใช้ยา: หากไม่จำเป็นลดการใช้ยาหยุดใช้หรือยาระบายเท่าที่จะเป็นไปได้
  • การลดความเครียด: การลดความเครียดและวิธีการผ่อนคลายสามารถมีผลในการลดท้องผูก

อาหารที่ช่วยลดอาการท้องผูก

การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ มีน้ำ และสารอาหารที่สมบูรณ์แบบสามารถช่วยลดอาการท้องผูก นี่คือบางอาหารที่คุณสามารถรับประทานเพื่อส่งเสริมการทำงานของลำไส้

  • ผักและผลไม้: ผักใบเขียว และผลไม้สดที่มีใยอาหารสูง เช่น แอปเปิล, กล้วย, สตรอเบอรี
  • ธัญพืช: อาหารที่ทำจากธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต, ข้าวกล้อง, ขนมปังที่ทำจากธัญพืช
  • เมล็ดและถั่ว: เมล็ดเจีย, เมล็ดกุยช่าย, ถั่ว, เมล็ดพืชอื่นๆ ที่มีไฟเบอร์
  • น้ำ: การดื่มน้ำมากเป็นสิ่งสำคัญ เพราะน้ำช่วยในการละลายของเหลวในลำไส้
  • โยเกิร์ต: โยเกิร์ตที่ไม่มีน้ำตาลและมีแบคทีเรียที่ดีสามารถช่วยสร้างประจุในลำไส้
  • อาหารที่มีโปรไบโอติก: อาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น โปรไบโอติกที่เจริญในเนื้อสัตว์
  • น้ำตาลทรายละลาย: น้ำตาลทรายละลายในน้ำอุ่นสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
  • ไขมันดี: ไขมันดีที่มีคุณภาพ เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันโอลีฟ

บทสรุป

นอกจากการลดอาหารที่มีสารไวต่อทางเดินอาหาร, อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง, และการรับประทานน้ำให้มากยังเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลท้องผูก คุณจึงควรรับประทานอาหารท่ช่วยลดอาการื้องผูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมในการขับถ่ายที่ดี หากมีปัญหาท้องผูกเป็นเวลานานหรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : health.harvard.edu/nebraskamed.com/niddk.nih.gov

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com