หน้ามืดเกิดจากอะไร และมีการป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หน้ามืด

หน้ามืด เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาการมักเกิดขึ้นในช่วงที่ร่างกายอ่อนเพลีย, พักผ่อนน้อย, ลุกขึ้นยืนเร็ว หรือมีการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกาย และสาเหตุอื่นๆ หากเกิดอาการบ่อยอาจจะทำให้เกิดอุบัติหรือเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคหัวใจและโรคทางสมอง ควรทำความเข้าใจอาการหน้ามืดเพื่อจะได้ทราบแนวทางป้องกัน และลดความเสี่ยงต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นจากอาการหน้ามืดได้

หน้ามืด
รูปประกอบจาก pexels.com

หน้ามืด คืออะไร

หน้ามืด เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกเวียนศีรษะหรือเสียการทรงตัว รวมถึงมีความรู้สึกคล้ายจะเป็นลม เกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นอากาศร้อน, ภาวะขาดน้ำ, ความดันต่ำ, ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ, การไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ หรือเป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด นอกจากนี้การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน เช่น ลุกขึ้นยืนเร็วจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดแบบชั่วคราวได้ อาการหน้ามืดอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการหกล้มในกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้น การรับมืออาการหน้ามืดอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ หากรู้สึกมีอาการหน้ามืดหรือมีปัญหาในการมองเห็น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสุขภาพตาและการมองเห็นในสภาพที่ดีก็เป็นเรื่องที่สำคัญ

อาการหน้ามืด

หากคุณมีอาการหน้ามืดหรือมีปัญหาในการมองเห็น ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การตรวจตาและตรวจสุขภาพทั่วไปจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาการหน้ามืดมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามสาเหตุของปัญหา นี่คือบางอาการที่อาจเกิดขึ้น

  • มองไม่เห็นชัด: มองวัตถุที่อยู่ใกล้หรือไกลไม่ชัดเจน หรือมองเห็นภาพเบลอ
  • มองเห็นเงา: เกิดเงาที่ไม่ปกติที่มีต่อสายตา
  • มองเห็นเป็นจุดดำ: มีจุดดำหรือเส้นหลอดสีดำที่ปรากฎในสิ่งที่มองเห็น
  • แสงส่องเข้าตา: มีการส่องแสงเข้ามาในสายตาเมื่ออยู่ในสภาพแสงสว่าง
  • การมองเห็นลดลงทั้งหมดหรือบางส่วน: การมองเห็นลดลงทั้งหมดหรือมองเห็นบางส่วนของภาพ
  • อาการปวดหรือรู้สึกบวมในสายตา: มีอาการปวด, รู้สึกบวม, ความไม่สบายในสายตา
  • มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือสารเคมี: การใช้ยาหรือสารเคมีบางประการอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้มีอาการหน้ามืด
  • อาการคันหรือระคายเคือง: มีอาการคันหรือระคายเคืองในสายตา

สาเหตุที่ทำให้หน้ามืด

มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดหรือมองเห็นลดลง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สายตา, สุขภาพทั่วไป นี่คือบางสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดอาการหน้ามืด

  • ปัญหาทางตา: สายตายาว (Hyperopia) ทำให้มองวัตถุที่อยู่ใกล้ไม่ชัดเจน, สายตาสั้น (Myopia) ทำให้มองวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัดเจน และตาอักเสบ (Uveitis) อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดและระบบการมองเห็นถูกทำลาย
  • โรคตับและไต: ปัญหาทางสุขภาพของตับและไต เช่น ตับแข็ง, โรคตับตัน, ไตวาย อาจมีผลให้เกิดปัญหาในสายตา
  • ความขาดธาตุเหล็ก: ขาดธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดภาวะไบรท์ที่ส่งผลให้มีอาการหน้ามืด
  • การใช้สารเสพติด: การใช้สารเสพติด เช่น ยาลดความประสงค์หรือยานอนหลับ อาจมีผลทำให้มีอาการหน้ามืด
  • โรคหัวใจ: โรคหัวใจหรือปัญหาเส้นเลือดในส่วนที่เชื่อมต่อกับสมองสามารถทำให้เกิดอาการหน้ามืด
  • อาการเครียดและซึมเศร้า: การเครียดและซึมเศร้าอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดหรือมองเห็นลดลง
  • น้ำตาลในเลือดสูง (เบาหวาน): เบาหวานสามารถทำให้เกิดปัญหาตา เช่น ทำให้เส้นเลือดตาและสมองเสื่อมเสีย
  • โรคไขมันในเลือดสูง: การมีระดับไขมันในเลือดสูงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหน้ามืด
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางอย่าง เช่น ยาต้านเลือด อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้มีอาการหน้ามืด
  • ปัญหาทางสมอง: ปัญหาทางสมอง เช่น อาการไม่สมดุลที่กระทบต่อระบบมองเห็น

การรักษาและการป้องกันอาการหน้ามืด

การรักษาและป้องกันอาการหน้ามืดขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา นอกจากนี้การดูแลสุขภาพทั่วไปและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำเป็นวิธีที่ดีในการรักษาและป้องกันปัญหาทางตา นี่คือบางวิธีทั่วไป

  • พบแพทย์: หากคุณมีอาการหน้ามืดหรือมีปัญหาทางตา ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง
  • ตรวจสุขภาพตา: ควรตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรตรวจสุขภาพตาที่หายใจได้เพื่อตรวจหาโรคตาและปัญหาสุขภาพที่อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสายตา: การบริโภคอาหารที่รวบรวมธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับสายตา เช่น วิตามิน A, C, E และซีนครีน สามารถช่วยในการรักษาสุขภาพตา
  • เลี่ยงสารที่เป็นพิษ: การเลี่ยงสารที่อาจทำให้เป็นพิษต่อสายตา เช่น สารเคมีหรือละอองที่มีอันตราย
  • ควบคุมโรคเรื้อรัง: การควบคุมโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ จะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาตา
  • การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: ในกรณีที่การใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นประจำ ควรใช้เทคนิคที่ช่วยลดความตึงเครียดต่อสายตา เช่น การใช้แว่นป้องกันแสงน้ำเงิน
  • การใช้แว่นตาหรือเลนส์ตา: หากมีปัญหาทางตา เช่น โรคตาสั้นหรือตาเสื่อม การใช้แว่นตาหรือเลนส์ตาที่เหมาะสมสามารถช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังที่สามารถกระทบต่อสายตาได้
  • การพักผ่อนสายตา: ในกรณีที่ต้องทำงานหรือใช้เวลานานที่ต้องมองหน้าจอ ควรให้ตาพักผ่อนอย่างน้อยทุก 20-30 นาที
  • การหลีกเลี่ยงแสงที่สามารถทำให้เกิดท้องตกต่ำ: หลีกเลี่ยงการมีระยะเวลานานในที่ที่มีแสงน้อยหรือที่แสงสว่างจากหน้าจอต่างๆ สามารถทำให้เกิดท้องตกต่ำ

อาการหน้ามืดเกิดขึ้นได้ตอนไหนบ้าง

อาการหน้ามืดอาจเกิดขึ้นได้ตอนไหนก็ได้ และมีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการนี้ นอกจากนี้บางครั้งอาการหน้ามืดอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางตาหรือปัญหาสุขภาพทั่วไปอื่นๆ ดังนี้

  • เวลากลางวันหรือเมื่อตื่น: บางครั้งหน้ามืดอาจเกิดขึ้นเมื่อตื่นตระหนักจากการหลับหลังตื่นมาหรือเมื่อตื่นตอนกลางวัน
  • ขณะใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: การใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด
  • ขณะทำงานที่ต้องใช้สายตามองเห็นไปทางบน: การทำงานที่ต้องมองเห็นไปทางบนเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความหน้ามืด
  • เมื่อยืนหรือนั่งขณะเปลี่ยนท่า: การยืนหรือนั่งเร็วๆ หรือเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วสามารถทำให้เกิดอาการหน้ามืด
  • ขณะทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลัง: การทำกิจกรรมที่ต้องใช้มีกำลัง เช่น วิ่ง, ลงบันได หรือในท่าทางต่างๆ อาจทำให้เกิดความหน้ามืด
  • ขณะท้องเสีย: การท้องเสียสามารถทำให้เกิดความหน้ามืด เนื่องจากการสูญเสียน้ำและเกลือ
  • เวลาอาหาร: หน้ามืดหรือความเป็นลมอาจเกิดขึ้นเมื่อเวลาในการรับประทานอาหารหรือการเปลี่ยนโปรตีนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง

บทสรุป

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีอาการหน้ามืด ให้ค่อยๆ นั่งลงหรืออย่าพึ่งรีบลุกเดินเพราะอาจจะทำให้ล้มหรือเกิดอุบัติเหตุอื่นได้ สามารถป้องกันอาการหน้ามืดได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ รวมถึงการสังเกตอาการของตัวเอง หากอาการหน้ามืดยังเกิดขึ้นบ่อยและไม่หาย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันถ่วงที

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : nhs.uk/healthline.com/betterhealth.vic.gov.au

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com