ตาพร่ามัว หากไม่มีการรักษาอาจทำให้สุขภาพตาเสียได้

ตาพร่ามัว

ตาพร่ามัว เป็นอาการที่ตามองเห็นไม่ชัดหรือเห็นเป็นภาพเบลอๆ อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ที่มีความผิดปกติของส่วนต่างๆ ในลูกตา เช่น กระจกตา, จอประสาทตา เป็นอาการที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ หรือถาวรได้ ส่งผลทำให้สูญเสียการมองเห็น ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ในบทความนี้จะมาพูดเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ตาพร่ามัว การป้องกัน และโรคที่อาจจะเกิดจากอาการตาพร่ามัวได้

ตาพร่ามัว

ตาพร่ามัว คืออะไร

ลักษณะของอาการตาพร่ามัว มีหลายอาการที่ผู้คนสามารถรู้สึกได้ เช่นมีความรู้สึกเจ็บปวดหรือหนักในตาที่มีการใช้งานนานหรือทำกิจกรรมที่ต้องมองตลอดเวลาโดยเฉพราะการใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มองเห็นเบลอและมักทำให้ตามีความแห้งสามารถหยอดน้ำตาเทียมได้ การรักษาหรือแก้ไขอาการตาพร่ามัวจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหานั้นๆ ซึ่งอาจมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุด และเพื่อความปลอดภัยอาการตาพร่ามัวอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ทั้งแบบชั่วคราวหรือถาวร หากคุณมีอาการตามัวเป็นเวลานานหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ตาเพื่อประเมินและรับคำแนะนำทางการแพทย์ที่เหมาะสม

อาการตาพร่ามัวชั่วขณะ

ความหมายทางการแพทย์ของตาพร่ามัว ชั่วขณะ หรือตาพร่ามัว เฉียบพลันเป็นอาการที่กล่าวถึงความผิดปกติในสุขภาพของตา อาการที่เกิดขึ้นในตาในช่วงเวลาสั้นๆ หรือบางทีอาจจะเป็นภาวะที่รุนแรงและต้องได้รับการรักษาทันที การอธิบายลักษณะอาการทั้งตามปรากฎภายนอกและความรู้สึกที่คุณมีอยู่ เช่น การรู้สึกเจ็บปวด หรือมีปัญหาในการมองเห็น อย่างไรก็ตาม หากมีอาการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพตาหรือมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตา ควรปรึกษาแพทย์ตาหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตา เพื่อการประเมินและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

สาเหตุที่ทำให้มีอาการตาพร่ามัว

มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว และสาเหตุนี้สามารถมีทั้งทางระยะสั้นและระยะยาว โดยตามนี้คือบางสาเหตุที่ทำให้ตาพร่ามัว

  • การใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: การใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานานๆ หรือไม่มีการพักผ่อนทำให้ตาเมื่อยและพร่ามัวได้
  • การมองตลอดเวลา: การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ ทำให้ตาเมื่อยและพร่ามัว
  • การใช้แว่นที่ไม่เหมาะสม: การใช้แว่นที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้องสามารถทำให้ตาพร่ามัวได้
  • ตาแห้ง: ปัญหาตาแห้งทำให้สามารถเกิดอาการตาพร่ามัวได้
  • การไม่รู้สึกผลจากการใส่แว่นตา: การไม่รู้สึกผลจากการใส่แว่นตาที่มีตามากขึ้น หรือไม่ใส่แว่นตาเลนส์ที่เหมาะสม
  • การสูบบุหรี่: บุหรี่สามารถทำให้เสียสายตาและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตา
  • โรคตา: โรคตาบางประการ เช่น ต้อกระจก, กระจกตายาว, หรือทวารตาสูง สามารถทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวได้
  • ความเครียดและภาวะจิตเวช: สภาวะจิตเวชหรือความเครียดมักส่งผลกระทบที่สุขภาพตา
  • ปัญหาสุขภาพ: โรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  • แสงสะท้อนและแสงจ้า: การได้รับแสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือแสงจ้าจากที่ทำงานสามารถทำให้ตามีอาการพร่ามัว

วิธีการป้องกันและรักษาอาการตาพร่ามัว

 ต่อไปนี้คือบางวิธีทั่วไปที่อาจช่วยลดอาการสายตาพร่ามัว วิธีแก้ปัญหามีบางประการ ดังนี้:

  • พักสายตา: การให้ตาพักผ่อนโดยการหย่อนตาอย่างน้อยทุก 20-30 นาที หลังจากการใช้งานหนักๆ ทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถช่วยลดการความเมื่อยตาได้
  • ใช้ยาหยอดตาช่วยลดอาการ: ในบางกรณีการใช้ตายาหรือหย่อนตาที่มีส่วนผสมเพื่อบำรุงตาหรือลดอาการได้ เช่น หย่อนตา, ชิมิซิล, หรือลูทีน
  • รักษาปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: ถ้ามีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, หรือสิ่งอื่นๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพตาควรรักษาโรคหลักที่เป็นสาเหตุ
  • การสวมแว่น: หากมีปัญหาที่ต้องการการสวมแว่น การใส่แว่นตาที่เหมาะสมสามารถช่วยปรับปรุงการมองเห็นและลดอาการตาพร่ามัวได้
  • รักษาอาการตาแห้ง: หากตามีอาการแห้ง การใช้หย่อนตาหรือใช้น้ำตาเทียมสามารถช่วยลดอาการตาพร่ามัวได้

ตามัว ทำให้เป็นโรคอะไรได้บ้าง

การใช้งานตาในระยะเวลาที่นานอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว และในบางกรณีอาจเป็นตัวบ่งชี้ของปัญหาสุขภาพตาหรือโรคทางการแพทย์อื่นๆ ดังนี้:

  • สายตาแห้ง (Dry Eyes): การหน่วงเวลานานหรือการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องสามารถทำให้ตาแห้งและเกิดอาการตาพร่ามัว
  • กระจกตายาว (Myopia): หรือที่เรียกว่าตาสั้น ซึ่งทำให้มองเห็นได้ดีในระยะที่ใกล้และไม่ดีในระยะที่ไกล
  • กระจกตาบอด (Hypermetropia): หรือที่เรียกว่าตาบอด ซึ่งทำให้มองเห็นได้ดีในระยะที่ไกลและไม่ดีในระยะที่ใกล้
  • กระจกตาเอียง (Astigmatism): ซึ่งเกิดจากรูรับแสงไม่มีรูปร่างทรงกลม
  • ต้อกระจก (Presbyopia): เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อตาสูญเสียความสามารถในการโฟกัสในระยะที่ใกล้
  • แสบตา (Conjunctivitis): หรือตาแดง ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกแสบตาและมีอาการตามัว

บทสรุป

อาการตาพร่ามัวอาจไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เป็นอาการที่ส่งผลจากการใช้งานตาในระยะเวลาที่นานหรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์ต่อสายตา อาการนี้มักจะหายไปหลังพักผ่อนตาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานตา เช่น ลดเวลาการใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ใส่แว่นตาที่เหมาะสม, และดูแลสุขภาพตาอย่างเหมาะสม การรักษาตาพร่ามัวนั้นอาจต้องไปพร้อมกับการวินิจฉัยสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้เกิดอาการนี้ เพื่อให้ได้วิธีรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด แนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ตาหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

 

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com

ขอบคุณภาพประกอบจาก : 

  • istockphoto.com
  • pexels.com

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :

  • essilor.co.th
  • zeiss.com.au
  • harroldopticians.co.uk