“กระเจี๊ยบเขียว” มากประโยชน์ต่อร่างกาย ทานสุกก็ได้ ทานดิบก็ดี!!

WM

กระเจี๊ยบเขียว กับประโยชน์ที่ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้

“กระเจี๊ยบเขียว” เป็นอีกหนึ่งผักที่มีสรรพคุณดี ๆ ต่อร่างกายมากมายหลายประการ สามารถทานได้ทุกวัย ดีต่อการบำรุงร่างกายอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถนำไปประกอบเมนูอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กระเจี๊ยบต้มทานคู่กับน้ำพริก นำไปผัด นำไปย่างก็ได้ เป็นต้น หรือจะนำมาทานสดๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ เรามาทำความรู้จักกระเจี๊ยบเขียวกันดีกว่าค่ะ

กระเจี๊ยบเขียว ผักพื้นบ้านที่คนไทยบริโภคกันมาแสนนาน และเป็นผักส่งออกที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นนิยมบริโภคกระเจี๊ยบเขียวกันมาก เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารสูง อีกทั้งยังมีคุณค่าทางสมุนไพรอีกด้วย อีกที่หนึ่งคือประเทศจีน ในมณฑลกวางเจา กระเจี๊ยบเขียวที่นำเข้าจากเมืองไทย 6 ฝัก ถูกนำไปขายราคาสูงถึง 3000 บาท เนื่องจากคนจีนเชื่อกันว่าเป็นยาบำรุงอย่างดีชนิดหนึ่ง โดยวิธีส่งออกแบบสดๆ หรือนำไปลวกกับน้ำร้อนแล้วนำไปแช่แข็ง โดยส่วนที่เชื่อกันว่ามีคุณค่าทางยามากที่สุดคือส่วนที่เป็นยางลื่นๆ ซึ่งเมือกหรือยางของกระเจี๊ยบเขียวนี่เองที่มีสรรคุณทางสมุนไพร

ลักษณะของกระเจี๊ยบเขียว

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/dyeth-8772749/

กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักยืนต้น มีอายุราวๆ 1 ปี ใบกว้างมีลักษณะเป็นแฉกคล้ายใบละหุ่ง ดอกมีสีเหลืองอ่อนมีลักษณะคล้ายดอกชบา ต้นกระเจี๊ยบเขียว มีความสูงตั้งแต่ 40 เซนติเมตร ไปจนถึงถึง 2 เมตร ลำต้นมีขนสั้น มีหลายสีแตกต่างกันกันไปตามสายพันธุ์ ทำให้ความสูงของต้น สีและความยาวของฝักต่างกัน พันธ์พื้นเมืองเดิมจะมีเหลี่ยมอยู่บนฝักมากถึง 7-10 เหลี่ยม พันธุ์ที่ใช้เพาะปลูกเพื่อส่งออกฝักสดและแช่แข็ง จะต้องเป็นพันธ์ที่มีฝัก 5 เหลี่ยม สีเขียวเข้ม มีเส้นใยน้อย ลำต้นเตี้ย ผิวฝักมีขนละเอียด ฝักดก ให้ผลผลิตสูง ซึ่งได้แก่ พันธุ์ของประเทศไทย และ พันธุ์ลูกผสมชั่วที่หนึ่ง จากประเทศญี่ปุ่น

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/cassidymarshall-17645310/

กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในอากาศกึ่งร้อนชื้นปานกลาง หรือที่อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส ถ้าหากอากาศหนาวมากจะหยุดการเจริญเติบโต เมื่อกระเจี๊ยบเขียวมีอายุประมาณ 40 วันจะเริ่มออกดอก และมีฝักยาวหลังจากดอกบานได้ 5-6 วัน ฝักอ่อนของกระเจี๊ยบเขียวจะมีความกรอบ รสชาติดี เมื่อแก่แล้วจะมีความเหนียวไม่นิยมนำมารับประทาน ทั้งใบและดอกของกระเจี๊ยบเขียวนั้นมีสรรพคุณด้านสมุนไพร

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/rikkylohia-8528200/

ฝักของกระเจี๊ยบเขียวอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งมีทั้งคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลต แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินซี และที่สำคัญเลยก็คือ กลูต้าไธโอน และยังมีสารอาหารชนิดอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้แล้วยังประกอบไปด้วย gums และ pectins ในปริมาณที่สูงทำให้อาหารที่ประกอบขึ้นมาจากกระเจียบเขียวมีลักษณะเป็นเมือก ซึ่งเมือกหรือยางของกระเจี๊ยบเขียวนี่่เองที่มีสรรคุณทางสมุนไพร

ประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียว

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/sandeephanda-5704921/

1. ช่วยในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะส่งผลทำให้ร่างกายของเราแก่ช้าลง และยังช่วยซ่อมแซ่มเซลล์ที่สึกหรอภายในร่างกายของเรา นอกจากนี้ยังช่วยขจัดสารพิษที่อยู่ในร่างกาย พร้อมกับช่วยต้านมะเร็งได้ เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียวมีกลูต้าไธโอนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญนั่นเอง

2. ช่วยในเรื่องของการดูดซึมสารพิษที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย และขับถ่ายออกทางอุจจาระ ซึ่งช่วยให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายในลำไส้ และยังช่วยให้เราขับถ่ายได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียวมีเส้นใยอาหารชนิดที่ละลายในน้ำ และไม่ละลายในน้ำอยู่จำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น เพคติน และเมือก เป็นต้น

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/derneuemann-6406309/

3. ช่วยรักษาโรคกระเพาะ เยื้อบุกระเพาะและลำไส้อักเสบได้เป็นอย่างดี เพราะเมือกของกระเจี๊ยบเขียวจำพวกเพคตินนั้นจะช่วยเคลือบแผลที่อยู่ในกระเพาะ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามของแผลในลำไส้ และกระเพาะได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/vector8diy-12462983/

4. ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียวนั้นมีโฟเลตที่ค่อนข้างสูง โดยกระเจี๊ยบเขียวฝักแห้งจำนวน 40 ฝักจะเทียบเท่ากับปริมาณที่ร่างกายของเราต้องการโฟเลตในแต่ละวันเลยทีเดียว

5. การรับประทานฝักของกระเจี๊ยบเขียวเป็นเวลาติดต่อกัน 15-30 วัน จะช่วยขับพยาธิได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะพยาธิตัวจี๊ด

6. สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน คลอเรสเตอรอลสูง หากรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยลดการดูดซึมคลอเรสเตอรอลและน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/mirkosajkov-14973806/

7. สำหรับสตรีมีครรภ์ร่างกายจะต้องการโฟเลตมากกว่าคนปรกติถึงสองเท่า หากรับประทานกระเจี๊ยบเขียวเป็นประจำในขณะที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น จะช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างการพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดีเลย เนื่องจากกระเจี๊ยบเขียวเป็นอาหารที่ให้โฟเลตสูง 

สรรพคุณกระเจี๊ยบเขียวอีกหนึ่งสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาอย่างมากตามที่ DooDiDo ได้นำเสนอไปแล้วข้างต้น เมื่อได้เห็นประโยชน์ และสรรพคุณของกระเจี๊ยบเขียวที่มีต่อสุขภาพของเราแล้ว เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนต้องหันมารับประทาน กระเจี๊ยบเขียว กันมากขึ้นอย่างแน่นอนเลยล่ะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://maanow.com