12 คุณประโยชน์ของ”แครนเบอร์รี่” ที่มีข้อดีต่อสุขภาพ
“แครนเบอร์รี่” ด้วยคุณสมบัติทางยาที่หลากหลาย สามารถรักษาอาการแทรกซ้อนทางสุขภาพได้
ถ้าหากพูดถึงผลไม้แล้วทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าในผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งแล้วล้วนแต่ก็มีคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายของเราทั้งนั้นเลย ซึ่งแน่นอนค่ะว่า “แครนเบอร์รี่” (Cranberry) เองก็เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ดีสำหรับสายสุขภาพ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำถึง 12 คุณประโยชน์ของแครนเบอร์รี่ ที่ถ้าหากว่าคุณรู้แล้วล่ะก็อาจจะต้องรีบไปหาซื้อทันทีเลยล่ะค่ะ
แครนเบอร์รี่ยังมีกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในยาแอสไพรินที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการบวม ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด และอาจช่วยต้านเซลล์มะเร็งได้ แต่หากบริโภคน้ำแครนเบอร์รี่เป็นประจำ ก็อาจส่งผลให้ระดับกรดซาลิไซลิกในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นได้ จนเสี่ยงเกิดนิ่วในไตแครนเบอร์รี่ เป็นผลไม้วิเศษ ด้วยคุณสมบัติทางยาที่หลากหลาย สามารถรักษาอาการแทรกซ้อนทางสุขภาพได้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มาดูกันว่าประโยชน์นอกเหนือจากที่กล่าวมาของ แครนเบอร์รี่ยังมีอะไรอีกบ้าง?
12 ประโยชน์ของ แครนเบอร์รี่
- ดีต่อสุขภาพช่องปาก
หากคุณต้องการที่จะอยู่ห่างจากปัญหาสุขภาพฟัน ให้เริ่มกินแครนเบอร์รี่ เพราะจะช่วยในการรักษาคราบจุลินทรีย์ที่ก่อตัวในช่องปาก และโรคเหงือกระดับเริ่มต้น
- ปัญหาเกี่ยวกับไตและกระเพาะปัสสาวะ
แครนเบอร์รี่มีกรดซิตริกและสารอาหารอื่นๆ ที่สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่เกิดในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วในไตได้
- ดีต่อหัวใจ
แครนเบอร์รี่นั้นดีต่อหัวใจของคุณ เพราะมีแร่ธาตุและเอ็นไซม์ต่างๆ ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีที่ปิดกั้นหลอดเลือดแดง การกินแครนเบอร์รี่หรือดื่มน้ำผลไม้แครนเบอร์รี่จะช่วยให้สุขภาพหัวใจของคุณดีขึ้น
- ต่อสู้กับโรคมะเร็ง
จากการศึกษาทางการแพทย์อิสระที่แตกต่างกัน พบว่าการดื่มน้ำแครนเบอร์รี่สามารถฆ่าเซลล์อนุมูลอิสระ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาการของมะเร็งเต้านมได้
- ช่วยเผาผลาญ และลดน้ำหนัก
หากคุณเป็นคนทานผักและผลไม้สดอยู่แล้ว แนะนำให้เพิ่มแครนเบอร์รี่เข้าไป แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถล้างสารพิษออกจากร่างกายได้ กระบวนการนี้ช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหารและการเผาผลาญซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักได้โดยอัตโนมัติ
- รักษาสุขภาพของท่อปัสสาวะ
ไม่มีอะไรจะสดชื่นและให้ความชุ่มชื้นได้มากกว่าน้ำแครนเบอร์รี่ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบ่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ขอแนะนำให้ผู้หญิงดื่มน้ำแครนเบอร์รี่สดอย่างน้อย 2-3 แก้วเพื่อต่อสู้กับอาการและรักษาสุขภาพของท่อปัสสาวะ
- สำหรับปอดอักเสบ
การทานแครนเบอร์รี่หรือดื่มน้ำผลไม้จะช่วยป้องกันการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของคุณ แครนเบอร์รี่มีเอ็นไซม์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ดีในการหยุดอาการของโรคไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
- ต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย
การบริโภคแครนเบอร์รี่อย่างต่อเนื่องสามารถชะลอกระบวนการชรา เพราะผลไม้นี้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมาก ช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นตามธรรมชาติ
- มีวิตามินที่ดีต่อผิว
แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดีต่อผิว มันมีส่วนประกอบ เช่น ไฮดรอกซีซีรีนและกรดอะมิโนที่ร่างกายของเราต้องการในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งช่วยในการรักษาผิวให้อ่อนนุ่มและอ่อนเยาว์ การดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ทุกวันสามารถทำให้ผิวชุ่มชื่นเพราะได้รับคอลลาเจนเต็มที่
- เหมาะสำหรับผิวมัน
ผิวมันมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวซึ่งบางครั้งก็ยากที่จะจัดการ หากคุณมีผิวมันและมองหาวิธีแก้ปัญหาระยะยาว แครนเบอร์รี่อาจช่วยคุณได้ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในน้ำแครนเบอร์รี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสิว
- ดีต่อคนผมร่วง
ผมร่วงเป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะประสบปัญหาผมร่วงซึ่งเป็นผลมาจากพันธุกรรมที่ไม่ดี แต่ก็มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหลายประการที่สามารถทำให้เส้นผมมีสุขภาพอ่อนแอและร่วงหล่นได้ ในแครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามิน A และ C ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผมและเส้นผมที่แข็งแรง
- สำหรับรังแค
หลังจากที่ผมร่วง รังแคก็ถือเป็นปัญหาผมที่สองที่รุนแรงน้ำแครนเบอร์รี่สามารถรักษาปัญหารังแคและปัญหาหนังศีรษะอื่นๆ ได้ มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อราที่ต่อสู้กับรังแค คุณสมบัติเหล่านี้ป้องกันโรคสะเก็ดเงินได้เช่นกัน คุณสามารถใช้น้ำแครนเบอร์รี่กับหนังศีรษะและล้างออกได้ตามปกติ นอกจากนี้วิตามินซีในผลไม้ยังสามารถรักษาผมเสียได้เช่นกัน
เรียกได้ว่าผลไม้อย่างแครนเบอร์รี่เนี่ยยังไงก็เป็นผลไม้ทางที่เลือกที่ดีของสายรักสุขภาพจริงๆ เลยนะคะ ถึงจะเป็นผลไม้ที่ลูกน้อยๆ แต่มากคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายเราทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ DooDiDo แนะนำเลยค่ะ หากคุณรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าช้า รีบไปหามาติดไว้ในตู้เย็นซักหน่อยก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: https://today.line.me