“น้ำส้มคั้น”เครื่องดื่มวิตามินซีสูง ประโยชน์เยอะแถมดีต่อสุขภาพ!!
แจกสูตรและวิธีการทำ”น้ำส้มคั้น” ทุกคนสามารถทำเพื่อดื่มเองที่บ้านได้
หากพูดถึงน้ำส้มคั้น คงไม่มีใครที่ไม่เคยลิ้มลองอย่างแน่นอนใช่ไหมค่ะ เพราะน้ำส้มคั้นจัดได้ว่าเป็นน้ำผลไม้ที่มีได้รับความนิยมที่สุดบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ เชื่อเหลือเกินว่าตั้งแต่เกิดมาคงไม่มีใครไม่เคยดื่มน้ำส้มคั้นกันอย่างแน่นอน ด้วยกรรมวิธีการทำที่ไม่ยากทุกคนสามารถทำเพื่อดื่มเองที่บ้านได้ บวกกับรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้น้ำส้มคั้นเปรียบได้กับน้ำที่เป็นตัวแทนของคนรักสุขภาพอีกส่วนหนึ่งก็ไม่ปาน ซึ่งรสชาติที่โดดเด่นของน้ำส้มคั้นนี่เองที่ทำให้หลายคนต่างก็ชอบอกชอบใจกันมานักต่อนักแล้ว
น้ำส้มคั้น หมายถึง น้ำส้มที่ผ่านกรรมวิธีได้จากการคั้นโดยตรงจากส่วนที่บริโภคได้ของผลส้มที่แก่สุก และสด เช่น ส้มเกลี้ยง ส้มเช้ง ส้มเขียวหวาน ส้มโชกุน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มสีทอง ส้มผิวทอง ส้มสีทับทิมหรือพันธุ์อื่นๆที่เหมาะสม ที่อยู่ในลักษณะพร้อมบริโภค ลักษณะทั่วไปของน้ำส้มคั้น คือ มีสี กลิ่น รสตามธรรมชาติของส้ม ไม่มีสีผิดปกติ และปราศจากกลิ่นอื่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่น และในน้ำส้มยังมีสารสำคัญในน้ำส้มคั้น ประกอบด้วย a-pinene, B-myrcene, decanal, hydroxyl-ethyl-hexanoate, limonene, linalool, octanal, vinyl guiaicol, 3-hexen-l-ol, i-hexanol และ valencenal จัดเป็นสารในกลุ่มของแอลดีไฮด์ ฟีนอล และแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส ช่วยลด และป้องกันโรคความดันเลือด ช่วยขยายหลอดเลือด กระตุ้นระบบประสาท ระงับปวด ลดไข้ นอกจากนั้นยังมีสารอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่
- แคโรทีนอยด์ เป็นสารที่ประกอบด้วย แอลฟา-แคโรทีน, เบต้า-แคโรทีน, กลูต้า-แคโรทีน ลูทีน และซีแทนซีน เป็นสารสำคัญที่ทำหน้าที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ป้องกันโรคต้อหิน ต้อกระจก เริมที่ปาก ไข้ละอองฟาง ริดสีดวงทวาร กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด หลอดเลือดขอดที่ขา ป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการตกเลือด หลอดเลือดดำโป่งพอง ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำ และต้านอนุมูลอิสระ
- เฮสเพอริดิน เป็นสารไบโอฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่ง มีประโยชน์แก้ประจำเดือนไม่ปกติ ต้านเชื้อไวรัสที่ก่อโรคเริม หวัด โรคทางเดินหายใจบางชนิด ต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ช่วยระงับอาการภูมิแพ้ ลดความบวมที่ขา ลดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และสามารถต้านการเกิดมะเร็งในร่างกาย
- เพคติน เป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ช่วยดูดซึมไขมัน และน้ำตาล ช่วยลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง และโรคเบาหวาน
- วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยลดไขมันที่ไม่มีผลดีในร่างกาย (low density lipoprotein cholesterol, LDL) ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ลดความดันโลหิต ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ และหลอดเลือด และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
ส่วนผสมของเครื่องดื่ม”น้ำส้ม”
- ส้ม 9-10 ผล
- น้ำผึ้ง (หรือน้ำเชื่อม) 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำแข็งทุบ 1 แก้ว
วิธีทำน้ำส้ม
- เตรียมส่วนผสมข้างต้นให้ครบตามจำนวน
- นำส้มมาคั้น หรือใส่ลงไปในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำส้ม
- นำน้ำส้ม น้ำผึ้ง (ถ้าไม่มีน้ำผึ้งให้ใช้น้ำเชื่อมก็ได้) เกลือป่น คนให้ละลายเข้ากัน แล้วรินใส่ในแก้ว ที่มีน้ำแข็ง ดื่มดับกระหายได้ทันที
- หรืออาจจะนำน้ำส้ม ใส่ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้า แล้วเติม น้ำผึ้ง เกลือป่น น้ำแข็ง ลงไป จัดการเดินเครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วรินใส่แก้วดื่ม ก็เทห์ไปอีกแบบ
ปริมาณสารอาหารใน้ำส้มคั้น (250 มิลลิลิตร)
– พลังงาน 45.00 กิโลแคลอรี่
– โปรตีน 1.10 กรัม
– ไขมัน 0.10 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต 8.50 กรัม
– ไฟเบอร์ 1.70 กรัม
– แคลเซียม 47.00 มิลลิกรัม
– เหล็ก 0.10 มิลลิกรัม
– โพแทสเซียม 150.00 มิลลิกรัม
– วิตามินซี 54.00 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 0.65 มิลลิกรัม
– แคโรทีน 0.028 มิลลิกรัม
การคั้นน้ำส้ม อาจมีผลทำให้น้ำส้มคั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงกลิ่น และรส ซึ่งกลิ่นของน้ำส้มเกิดจากน้ำมันหอมระเหย (essential oil) จากเปลือก ซึ่งมีในปริมาณที่น้อยมาก และที่อุณหภูมิสูงๆหรือสภาพสุญญากาศ น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้อาจระเหยไปได้ โดยเฉพาะ ถ้าการคั้นน้ำส้มทำโดยการใช้เครื่องบีบแล้วจะทำให้น้ำมันจากเปลือกปะปนมากับน้ำส้มมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่ดีเกิดจากการสลายหรือการไฮโดรไลซ์ของเทอร์ฟีนในน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงรสของน้ำส้มคั้น ทำให้น้ำส้มเกิดรสขม มีสาเหตุจากสารเคมี ชื่อ ลิโมนิน (limonine) ซึ่งอยู่ในเปลือกขาวในเมล็ดและที่ผิวของกลีบ ปกติสารนี้อยู่ในรูปของไกลโคซาย (glycosids) ในระหว่างการสกัดเซลล์ของเปลือกขาว (flavido) จะแตกออกเมื่อน้ำส้มคั้นมาสัมผัสจะเปลี่ยนลิโมนิน จากรูปของไกลโคซายไปอยู่ในรูปของแลคโตน (lactone form) ซึ่งให้รสขมเกิดขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนจากรูปที่ไม่ขมมาเป็นรสขมนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้จากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งสัมผัสกับออกซิเจน
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ รู้ประโยชน์ที่มากมายของน้ำส้มคั้นกันแบบนี้แล้ว DooDiDoขอแนะนำในการเก็บรักษา ด้วยการแช่เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ และลดอัตราการเกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมี ให้น้ำส้มสามารถเก็บรักษาได้นาน และไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วยคะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: https://puechkaset.com, https://sites.google.com/site/sitthiphong080/nasm-khan