9 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่างานเริ่มไม่ดีต่อสุขภาพใจของคุณ
อย่าปล่อยให้งานมาบั่นทอนสภาพจิตใจ เพราะอาจจะส่งผลต่อการทำงานและตัวคุณเองด้วย
สุดท้ายแล้วปัญหาสุขภาพจิตใจนั้นก็สำคัญพอๆ กับสุขภาพกายเลยใช่มั้ยล่ะคะ เพราะฉะนั้นล้วหากใครที่กำลังมีปัญหาชีวิตประจำวันแล้วนั้นก็อย่าได้ปล่อยไปเชียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสัมพันธ์กับผู้คน คนรัก เพื่อฝูงหรือครอบครัว หรือจะเป็นในเรื่องของการทำงาน แน่นอนค่ะว่าการทำงานนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่แล้วเพราะเราทุกคนยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปด้วยเงิน ซึ่งงานนั้นก็เป็นสิ่งที่จำให้ได้มาซึ่ง เงิน นั่นแหล่ะค่ะ หลายๆ คนก็ต้องทำ เป็นเรื่องปกติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่การหางานว่ายากแล้ว หางานที่ใช่นั้นยากกว่า หนึ่งในสาเหตุของความไม่สบายใจสำหรับใครหลายคนจึงเป็นงาน เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานไม่ใช่แค่ตัวงาน แต่ยังมีสภาพแวดล้อมและปัญหามากมายที่รอเราอยู่ มาดูสัญญาณที่บอกว่างานเริ่มไม่ดีต่อ (สุขภาพ) ใจ เพื่อเราจะได้แก้ไขไม่ปล่อยให้งานมาบั่นทอนจิตใจไปมากกว่านี้
1. คิดเรื่องงานตลอดเวลา
การโฟกัสกับงานเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเริ่มนึกถึงแต่เรื่องงานแม้จะกลับบ้านแล้ว ทั้งเรื่องเกี่ยวกับงานที่ผ่านไปแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือกังวลกับงานที่ยังมาไม่ถึง จนไปกระทบช่วงเวลาที่ควรจะได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แทนที่จะได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างมีความสุข ก็แปลว่างานเริ่มคุมคามชีวิตส่วนตัวเราแล้ว
2. ไม่อยากลุกไปทำงานแม้แต่วันเดียว
บางวันเราอาจรู้สึกเหนื่อยกายจนไม่อยากลุกไปทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วไม่อยากลุกไปทำงานเลยสักวัน นั่นเป็นเพราะเราไม่มีแรงใจในการไปทำงาน ไม่รู้สึกว่ามีงานที่ท้าทายหรือสิ่งใหม่ๆ รอให้เราทำ หรืองานอาจทำให้เราไม่มีความสุขจนเหมือนฝันร้ายในโลกแห่งความจริง
3. บ่นเรื่องงานให้คนรอบข้างฟัง
เรามักจะมีความอัดอั้นตันใจเมื่อรู้สึกไม่มีความสุขในการทำงาน เจอหน้าใครก็อดไม่ได้ที่จะเล่า บ่น ระบายความไม่สบายใจเหล่านั้นให้ฟัง
4. มองข้ามสิ่งดีๆ ในที่ทำงาน
เมื่อมีทัศนคติที่ไม่ดีต่องานไปแล้ว ไม่ว่าจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นกี่เรื่องเราก็จะมองข้ามไป แต่ถ้ามีเรื่องไม่ดีเมื่อไหร่จะจำฝังใจเหมือนไม่เคยมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเลย
5. รู้สึกเศร้าในเช้าวันจันทร์ (หรือเร็วกว่านั้น)
วันหยุดสุดสัปดาห์ควรจะเป็นวันที่รู้สึกสบายใจ ที่ได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ถ้ายิ่งเข้าใกล้วันจันทร์เมื่อไหร่ แล้วรู้สึกเศร้าใจ นั่นแปลว่าแม้จะได้พักผ่อนมาแค่ไหนในวันเสาร์อาทิตย์ เราก็ยังไม่พร้อมไปเผชิญหน้ากับงานที่ทำให้ไม่มีความสุข
6. ป่วยกายเพราะไม่สบายใจ
เพราะสุขภาพและสุขภาพใจมีความเกี่ยวข้องกัน โดยเฉพาะเมื่อเรามีภาวะเครียด หรืออาการซึมเศร้าที่สามารถสังเกตได้จากอาการทางกาย อย่างปวดหัว นอนไม่หลับ กินมากหรือน้อยผิดปกติ ไปจนถึงระบบฮอร์โมน
7. หงุดหงิดง่ายตอนอยู่ในที่ทำงาน
หากเรารู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนอะไรๆ ก็จะดูขัดหูขัดตาไปหมด ความอดทนจะลดลง และหงุดหงิดง่ายแม้กับเรื่องเล็กน้อย กลายเป็นปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งส่งผลต่อการทำงานเข้าไปอีก
8. ลาป่วยเพื่อจะได้ไม่ต้องไปทำงาน
เมื่อไม่มีความสุขกับการทำงาน เราจึงทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงมัน แม้ไม่ได้ป่วยกายแต่ป่วยใจก็เลยลาป่วยซะเลย แต่วิธีหนีเหมือนเป็นการหนีปัญหา สุดท้ายเราก็ต้องเผชิญหน้ากับการทำงานอยู่ดี ลองคิดอีกทีว่าปัญหาอยู่ที่อะไร ถ้าลาป่วยไม่ช่วยอะไรก็คงต้องลาออก
9. ไม่ตั้งใจสร้างผลงานดีๆ อีกต่อไป
การไปทำงานแต่ละวันเหมือนทำแค่ให้ผ่านไป ไม่สนใจอีกต่อไปว่าผลงานจะออกมาแบบไหน เพราะไม่มีเป้าหมายหรือแรงจูงใจในการสร้างผลงานดีๆ
ใครที่มีอาการหรืออารมณ์เหล่านี้อยู่แล้วนั้น DooDiDo ก็ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนที่ตัวเองน่าจะรู้ตัวได้ชัดเจนที่สุดแล้วล่ะค่ะ และแน่นอนว่านี่เป็นสัญญาณที่ทุกคนควรจะหางานใหม่ หรืออาจจะต้องหาเวลาไปพักร้อนบ้างแล้วล่ะค่ะ เพราะอย่างไรแล้วถ้าหากยังฝืนทำต่อไปแล้วล่ะก็อย่างแรกก็แน่นอนว่าไม่เป็นผลดีต่องานที่เราทำ และผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเราแน่นอน และอย่างที่สองก็คือหากยังฝืนต่อไปอีกแล้วล่ะก็ซักวันหนึ่งก็อาจจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพของทุกคนเองด้วยนะคะ อย่างไรแล้วสุขภาพกายและใจของทุกคนก็สำคัญกว่าสิ่งใดนั่นล่ะค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: www.mangozero.com