5 วิธีขายของในเฟสบุ๊คให้ปัง ให้น่าสนใจ

เฟสบุ๊คถือเป็นแอพพลิเคชั่นยอดฮิตที่ทุกคนต้องมี

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของเรา การขายของออนไลน์จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ใช้สื่อโซเชียลอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะเฟสบุ๊คถือเป็นแอพพลิเคชั่นยอดฮิตที่ทุกคนต้องมี ปัจจุบันการขายของในเฟสบุ๊คกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เราจึงเห็นกันอยู่บ่อยๆ ว่าบนหน้าฟีดเฟสบุ๊คของเราจะมีเพจร้านค้าขึ้นโชว์อยู่บนหน้าจอมากมาย หลายร้านก็ไลฟ์สดให้เราเลือกซื้อสินค้าแบบน่าสนใจ

โลกแห่งการค้าขายได้เปลี่ยนไปแล้วจากอดีต หลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคที่การขายของในโลกออนไลน์มาแรงมากที่สุด โดยแพลตฟอร์มที่มาแรงและไม่เคยคลายความนิยมลงไปเลยก็คือ การสร้างเพจ Facebook ไว้ขายของ แต่การลงขายของในเฟสบุ๊คก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ใช่ทุกคนที่ขายของในเฟสบุ๊คแล้วจะขายดี ไหนจะต้องหาวิธีโปรโมท ไหนจะต้องโพสต์เนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ วันนี้เรามาบอกถึงเทคนิคการขายของออนไลน์บนเฟสบุ๊ค ว่าจะต้องมีวิธีโพสต์ขายยังไงที่จะดึงความสนใจของลูกค้าได้มากที่สุด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@austindistel

1. โพสต์ให้ถูกที่ ถูกเวลา
การโพสต์ที่นั้นหมายถึงในกรณีที่คุณไม่ได้จะโพสต์ในหน้าแฟนเพจของตัวเอง แต่เลือกที่จะไปโพสต์ขายตามกลุ่มต่างๆ ที่มารวมตัวเพราะชื่นชอบในสิ่งเดียวกันในเฟสบุ๊ค ก็ต้องเลือกกลุ่มให้ถูกต้องและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าด้วย ในส่วนของการโพสต์ให้ถูกเวลาแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจำเป็นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของเราว่ามีแนวโน้มที่จะเลื่อนดูฟีดในเฟสบุ๊คตอนเวลาประมาณกี่โมง
– วันธรรมดา: ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะโพสต์อาจแบ่งออกเป็นสามเวลาคือ เช้าตรู่ที่ผู้คนอาจใช้เวลาอยู่กับการเดินทางตั้งแต่เวลา 6:00 – 8:00 น. ช่วงเวลาพักกลางวันตั้งแต่เวลา 11:00 – 13:00 น. และช่วงหลังเลิกงานเป็นต้นไปประมาณ 19:00 – 21:00 น.

– วันเสาร์-อาทิตย์ หรือ วันหยุด: การโพสต์จะโพสต์ในช่วงเวลาใดก็ได้ที่ไม่เช้ามากเกินไป นั่นก็เพราะอาจจะมีมนุษย์เงินเดือนที่เลือกที่จะผ่อนคลายด้วยการตื่นค่อนข้างสายนั่นเอง ช่วงเวลาที่เหมาะสมอาจโพสต์ได้ตั้งแต่ประมาณ 10:00 – 22:00 น.

– ช่วงเวลาที่ไม่ควรโพสต์ : หลายคนมองว่าการโพสต์ขายของนั้นไม่ควรโพสต์ช่วงเวลาที่ดึกมากจนเกินไป เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนงดการเล่นมือถือและเข้านอนกันแล้ว อย่างไรก็ตาม หากว่าคุณคิดว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นกลุ่มนักศึกษาหรือวัยรุ่นที่มีแนวโน้มที่จะเข้านอนดึก ก็อาจจะเลือกโพสต์ในช่วงเวลาที่ดึกไปกว่า 22:00 น. ได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@willfrancis

2.ระวังคำต้องห้ามที่อาจทำให้ถูกปิดการมองเห็น
ปัจจุบัน Facebook มีระบบคัดกรองเนื้อหาต่าง ๆ ที่อยู่บนหน้าฟีดมากขึ้น และทำการปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎของแพลตฟอร์ม เช่น การโฆษณาเกินจริง ประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อน หรือโพสต์ใด ๆ ที่ส่อถึงการหลอกลวงและเป็นภัยต่อสังคม ซึ่งระบบตรวจสอบของ Facebook นั้นสามารถจับได้ทั้งรูปภาพและตัวหนังสือ ตัวอย่างคำต้องห้ามที่อาจทำให้ถูกปิดกั้นการมองเห็น ได้แก่ โฆษณาประเภทอาหารเสริมและยาลดน้ำหนัก เช่น “ขาวไว” “ผอมไว” “เห็นผล 100%” หรือคำโปรยชวนเชื่อ “ช่องทางรวย” “รวยทางลัด” เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาอื่น ๆ ที่เหล่าร้านค้าต้องหลีกเลี่ยง

3.ให้ข้อมูลสินค้าครบถ้วน
การจะทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจโพสต์ของเราได้นั้น จะต้องบอกรายละเอียดข้อมูลของสินค้าอย่างครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้ทันที ด้วยการบอกข้อมูลประเภทของสินค้าให้ชัดเจน ว่าสินค้าจะมีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้ใช้งาน รวมไปถึงขนาด น้ำหนัก สี ความกว้าง ความสูง วิธีการใช้งาน และราคาให้ครบ จบในโพสต์เดียว เพราะการขายบน Facebook คือการแข่งกับเวลา ลูกค้าอาจจะเห็นสินค้าของเราบนหน้าฟีดได้แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ถ้าหากได้เห็นข้อมูลครบถ้วนก็ทำให้ตัดสินใจง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการปกปิดราคาแล้วให้ลูกค้าเข้าไปสอบถามหลังไมค์เองนั้นอาจทำให้ลูกค้าเกิดความไม่สบายใจ รู้สึกว่ายุ่งยากและเสียเวลา ส่งผลให้ร้านค้าเสียโอกาสขายได้ในที่สุด

4.สร้างตัวตนบนแพลตฟอร์ม
อีกหนึ่งเทคนิคขายของบน Facebook คือการทำให้ผู้ใช้งานเชื่อว่าร้านของเรามีตัวตนอยู่จริง และมีความน่าเชื่อถือในการซื้อ-ขาย โดยเราสามารถสร้างตัวตนได้ง่าย ๆ เช่น หมั่นโพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่เราขาย ตอบคอมเมนต์ใต้โพสต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และนำเสนอว่าสินค้านั้นดีอย่างไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง เป็นต้น หากเราสร้างการมีตัวตนได้ กลุ่มเป้าหมายก็จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเรา และเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก อันจะนำมาซึ่งโอกาสในการขายที่เพิ่มมากขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@introspectivedsgn

5.จัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้า
การขายของออนไลน์เป็นช่องทางที่จะช่วยกระจายการรับรู้ถึงโปรโมชันของร้านได้ดีกว่าเดิม ดังนั้น การจัดโปรโมชันหรือมอบส่วนลดบ้างตามความเหมาะสม จะทำให้ลูกค้าเข้ามาสนใจสินค้าของร้านมากขึ้น และเพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้นด้วย โดยเราสามารถนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นกระแสสังคมอยู่ในขณะนั้นมาโปรโมตหรือทำโปรโมชัน ตัวอย่างของแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมาก เช่น กรณีการทำการตลาด “เจน-นุ่น-โบว์” ที่หลายแบรนด์พร้อมใจกันจัดแคมเปญโฆษณาล้อเลียนกระแสเพลงฮิตของวง “SUPER วาเลนไทน์” และได้กระแสตอบรับที่ล้นหลาม ถือเป็นการโปรโมตสินค้าให้แก่แบรนด์โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลยสักบาทเดียว

เพียงแค่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทุกคนเข้าใจการใช้เฟสบุ๊คให้เกิดประโยชน์  DooDiDo ก็จะสามารถประสบความสำเร็จในการขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างสุดปังแน่นอน ร้านไหนที่ยอดขายไม่กระเตื้องก็ลองลงขายของในกลุ่ม Marketplace ที่มีไว้ให้ร้านค้าโพสต์ขายของโดยเฉพาะ แบบไม่ต้องเสียค่าโฆษณาค่ะ เพราะในกลุ่มหรือ Marketplace นั้น เป็นศูนย์รวมของลูกค้าจำนวนมาก รับรองว่าร้านค้าในเฟสบุ๊คของคุณจะต้องปังปุริเย่อย่างแน่นอนเลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.primal.co.th, https://noria.co.th