แนะนำ 10 อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง

WM

สายเฮลตี้ต้องห้ามพลาด 10 อาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

การเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพนั้น ของกลุ่มผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่มีกระแสข่าวโรคและพิษภัยที่เกิดจากการกินอาหารแบบผิดวิธี และอาหารบางชนิดที่ก่อให้เกิดโรค หากไม่ดูแลเรื่องที่มาของอาหาที่เรารับประทาน หรือแม้แต่การกินอาหารตามใจปากก็อาจจะส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ อาทิ โรคอ้วน โรคท้องร่วง โรคขาดสารอาหาร ฯลฯ

ปัจจุบันนี้พบว่ากลุ่มผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารการกินมากขึ้น และเน้นอาหารเพื่อสุขภาพหรืออาหารประเภทคลีนเป็นหลัก (ซึ่งอาหารคลีนที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ตอนนี้ติดเทรนด์ไปแล้ว) เนื่องจากเป็นอาหารที่มีประโยชน์ สะอาด ไม่มีสารพิษ และยังช่วยในส่วนของการควบคุมน้ำหนักสำหรับใครที่กำลังสนใจที่รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพทางเราก็อยากจะแนะนำ 10 อาหารเพื่อสุขภาพ ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งประกอบไปด้วย  เลมอน, ผักคะน้า, มันเทศ, อะโวคาโด, บร็อคโคลี่, ถั่ว, ถั่วฝักยาว, ปลาแซลมอน, ปลาซาร์ดีน, ผักโขม

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/couleur-1195798/

1. เลมอน

เลมอนมีปริมาณวิตามินซีสูงเส้นใยที่ละลายน้ำได้และสารประกอบพืชที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เลมอนอาจช่วยลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโรคโลหิตจางนิ่วในไตปัญหาทางเดินอาหารและมะเร็ง เลมอนไม่เพียง แต่เป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติและกลิ่นที่ดีอีกด้วย

คุณค่าทางอาหารของเลมอน

-ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันหวัด

-เลมอนมีสารที่ช่วยต่อต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด

-ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้

-น้ำเลมอนช่วยบำรุงตับและกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำดีได้มากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติตลอดทั้งวัน

2. ผักเคล

ราชินีแห่งผักใบเขียวนี้ได้รับความนิยามมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงกับมีผู้ขนานนามเจ้าคะน้าใบหยักนี้ว่า ‘The new beef’ หรือเนื้อรูปแบบใหม่ เพราะความไม่ธรรมดาที่ไม่ได้อัดแน่นสารต้านอนุมูลอิสระเหมือนผักอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยธาตุเหล็กในปริมาณมาก ถึงขนาดที่เนื้อสัตว์ยังสู้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแคลเซียมสูงกว่านมวัวถึง 3 เท่า และสูงกว่าผักโขมถึง 14 เท่า อีกทั้งแคลอรีต่ำ มีไฟเบอร์สูง ไม่มีไขมัน

คุณค่าทางอาหารของผักเคล

-มีแคลเซียม มากกว่า นม ช่วยบำรุงกระดูกเหมาะสำหรับคนแพ้นมวัว

-วิตามิน K ช่วยสร้างความแข็งแรงของกระดูก

-วิตามิน C มากกว่าผักโขม 10%

-มีกรดไขมัน Omega 3 ช่วยลดคอเลสเตอรอล

-มีโฟเลต และวิตามินบีช่วยบำรุงสมอง

3. มันเทศ

มันเทศเป็นพืชที่มีหัวอยู่ใต้ดิน มีรสหวาน มีเนื้อในหลากสีสันตามสายพันธุ์ เช่น สีส้ม สีขาว สีแดง สีเหลือง หรือสีม่วง เป็นต้น ในมันเทศมีเอนไซม์ที่สามารถเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลได้ โดยมันเทศจะมีรสหวานยิ่งขึ้นเมื่อเก็บไว้เป็นเวลานานหรือนำไปปรุงอาหาร  วิธีประกอบอาหารส่วนใหญ่ที่คนนิยม คือ นำไปต้ม นึ่ง อบ หรือทอดด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย ผู้คนจึงเชื่อว่ามันเทศอาจมีผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน

คุณค่าทางอาหารของมันเทศ

-รักษาภาวะขาดวิตามิน เอ

-ป้องกันอาการท้องผูก

-รักษาโรคเบาหวาน

-รักษาและป้องกันโรคมะเร็ง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/engin_akyurt-3656355/

4. อะโวคาโด

ผลอะโวคาโดอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์มากมาย เมื่อทานบ่อยๆ จึงสามารถบำรุงและเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ดี แถมยังสามารถป้องกันโรคร้ายบางโรคได้อีกด้วย

คุณค่าทางอาหารของอะโวคาโด

-ลดความอ้วน

-เต็มไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารจำเป็น

-ป้องกันโรคหัวใจ

-ลดไขมันในเส้นเลือด

-โปรตีนสูง

5. บร็อคโคลี่

บร็อคโคลี่ เป็นผักที่นิยมรับประทานกันมาก จัดอยู่ในกลุ่มดอกกะหล่ำ มีลักษณะเป็นดอกสีเขียวเข้ม มีรสชาติหวานกรอบ ไม่ขม สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง มีรสชาติหวานกรอบ บล็อกโคลี่อุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี6 วิตามินบี12 วิตามินดี แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก เบต้าแคโรทีน ลูทีน แคโรทีนอยด์ โฟเลต มีสารซัลโฟราเฟนและสารอินดอลซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย

คุณค่าทางอาหารของบล็อกโคลี่

บำรุงหัวใจ

-ช่วยในการบำรุงสายตา

-ลดการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

-ปกป้องผิวจากมะเร็งผิวหนัง

-ป้องกันการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม

6. ถั่ว

ถั่ว เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่คนรักสุขภาพขาดไม่ได้ อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี เส้นใยอาหาร และกล่าวกันว่ามีสรรพคุณด้านสุขภาพมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ รักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ต้านมะเร็ง หรือลดน้ำหนัก ทั้งยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับถั่วชนิดอื่นๆ จึงเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่หากินง่ายและได้ประโยชน์ไปในตัว

คุณค่าทางอาหารของบล็อกโคลี่

-ชะลอความแก่ชรา

-มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง

-ช่วยลดความดันโลหิต

-มีธาตุเหล็กสูง

-ช่วยควบคุมน้ำหนัก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/k_kristie-1093462/

7. ถั่วฝักยาว

ถั่วฝักยาว เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย นิยมนำมาประกอบอาหารและรับประทานเป็นเครื่องเคียงแบบดิบๆ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะแคลเซียม โพแทสเซียมและวิตามินซี โดยถั่วฝักยาวสามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพและนำมารับประทาน

คุณค่าทางอาหารของถั่วฝักยาว

ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน

-ป้องกันโรคกระดูกพรุน

-เพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร

-ป้องกันโรคมะเร็ง

-ช่วยให้นอนหลับสบาย

8. แซลมอน

ปัจจุบันการรับประทานเนื้อปลาแซลมอนเป็นเรื่องง่าย เพราะไม่ว่าที่ไหนก็มีจำหน่าย จะเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เจอปลาแซลมอนหั่นให้เรียบร้อยพร้อมรับประทานหรือจะเดินห้างก็จะเจอร้านอาหารญี่ปุ่นเรียงยาวให้เราเลือก นอกจากความอร่อยของปลาแซลมอนที่หนึบหนับ และหวานแบบธรรมชาติ คุณประโยชน์ของมันก็แจ๋วไม่แพ้กับรสชาติเหมือนกัน

คุณค่าทางอาหารจากปลาแซลมอน

-ช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

-ช่วยรักษาสุขภาพหัวใจ และระบบหลอดเลือด

-รักษาสายตา และป้องกันโรคประสาทจอตาเสื่อม

-ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ในเด็กเล็ก

9. ซาร์ดีน

ปลาซาร์ดีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต ลดการอักเสบ ป้องกันโรคหัวใจ และลดน้ำหนัก ไม่น่าเชื่อว่าปลาตัวเล็กๆ แบบนี้จะมีประโยชน์ดีๆ อยู่เยอะมาก

คุณค่าทางอาหารของปลาซาร์ดีน

-อุดมไปด้วยธาตุอาหารหลักๆ

-รักษาระดับน้ำตาลในเลือด

-เต็มไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน

-ปลาซาร์ดีนดีต่อกระดูก

-ลดการอักเสบ

สุขภาพผิวดี

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/showmeyourflowers-10204639/

10. ผักโขม

ผักโขมอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด อาทิ วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 และวิตามินเค และยังเป็นผักที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกายด้วย นอกจากนี้ในผักโขมยังอุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแมงกานีส ซึ่งถ้าร่างกายขาดสารเหล่านี้จะทำให้อ่อนแรง และกำลังในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะทำงานได้ไม่เต็มที่

คุณค่าทางอาหารของผักโขม

บำรุงสายตา

-ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

-ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม, มะเร็งปอด, มะเร็งกระเพาะอาหาร

-เสริมสร้างบำรุงกำลัง

หลายครั้งที่คนทั่วไปมักให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องภายนอกที่จับต้องได้ แต่ละเลยความสำคัญของระบบภายในร่างกาย เริ่มต้นดูแลระบบภูมิคุ้มกันตั้งแต่วันนี้ DooDiDo ขอแนะนำด้วยการรับประทานสารอาหารที่ช่วยดูแลระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง ร่วมกับการออกกำลังกายและการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ก็จะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและสุขภาพดีได้ไม่ยาก

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://nobitter.life