เคล็ด(ไม่)ลับ!! 5 วิธีเติมความสดชื่น คลายความเหนื่อยล้าให้กับสมอง

WM

หากเราอยู่ในภาวะตึงเครียด ลองเติมความสดชื่น ลดความเหนื่อยล้าให้กับร่างกายด้วยวิธีเหล่านี้

เชื่อได้ว่าความรู้สึกที่เอิ่อยเฉื่อย หรือเฉื่อยๆ ชาๆ ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยนั้นล้วนเป็นช่วงเวลาที่หลายคนน่าจะเคยรู้สึก ซึ่งจะบ่อยหรือไม่บ่อยนั่นก็อีกเรื่องค่ะ แน่นอนด้วยว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นวัยเรียนหรือวัยทำงานก็สามารถมีความรู้สึกนี้ได้ทั้งนั้น แต่สำหรับหลายคนส่วนใหญ่ก็เชื่อได้ว่าคงจะไม่อยากจะมีความรู้สึกนี้หรอกค่ะ ที่รู้สึกเฉื่อยๆชาๆ ซึ่งนั่นก็มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุด้วยกันไม่ว่าจะเป็นความเหนื่อยล้าจากงาน หรืออะไรต่างๆ ที่ได้เผชิญมาล่ะค่ะ หากเราอยู่ในภาวะตึงเครียด หรือเสพข่าวแย่ๆ มากเกินไปจนรู้สึกสุขภาพจิตไม่ค่อยดี ลองเติมความสดชื่น ลดความเหนื่อยล้าให้กับสมองและร่างกายด้วยวิธีเหล่านี้

การสำรวจด้านความเฉื่อยของสุขภาพในเอเชียแปซิฟิกปี 2564 เผยให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้สุขภาพจิตแย่ลงในหมู่ผู้บริโภค โดย 6 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า สุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนไม่ค่อยดีนัก ผู้ที่สังเกตเห็นความเสื่อมโทรมของสุขภาพจิตยอมรับว่า เกิดจากการไม่ได้ทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกาย รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์มากขึ้น รวมถึงไม่มีคนรอบข้างที่คอยกระตุ้นให้ออกกำลังกาย ช่วงเวลาเช่นนี้นี่เองที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนล้า และจำเป็นต้องหันมาดูแลตัวเองบ้าง ต่อไปนี้คือ 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปเรียนออนไลน์หรือรับมือกับการเรียกประชุมทางวีดีโอ

5 วิธีเติมความสดชื่นเมื่อรู้สึกเหนื่อย-อ่อนล้า

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@esdesignisms

1. เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น

ด้วยการที่คนเราต้องบริหารเวลาเพื่อทำให้ตัวเองและครอบครัวเติบโตก้าวหน้า บางครั้งการหาเวลาออกกำลังกายจึงทำได้ยาก การเคลื่อนไหวจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่ออารมณ์ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูพลังงาน นี่คือเรื่องจริง และจากที่เราได้พูดคุยกับผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกในการสำรวจด้านความเฉื่อยของสุขภาพ ผู้บริโภค 47% บอกว่า การออกกำลังกายช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นจริงๆ

เมื่อไม่สามารถเข้ายิมหรือร่วมกิจกรรมออกกำลังกายได้ หลายคนพบว่าตัวเองไม่มีกลุ่มเพื่อนที่คอยกระตุ้นให้ออกกำลังกาย คอร์สออกกำลังกายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นโยคะไปจนถึงพิลาทิส และการฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อไปจนถึงแอโรบิคมีอยู่มากมาย และหลายคอร์สไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีการเดินประจำวัน การขี่จักรยาน หรือการวิ่งก่อนที่ครอบครัวจะตื่น ซึ่งจะช่วยให้คุณอารมณ์ดี พร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ ตลอดทั้งวัน

2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารคือแหล่งพลังงาน และช่วยให้ร่างกายของเรามีเรี่ยวแรงทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่ การวิจัยพบว่า ในระหว่างการระบาด ยอดขายของว่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้คนสรรหาอาหารที่หาง่ายและสะดวกในการรับประทาน จากที่ก่อนหน้านี้เคยพยายามหลีกเลี่ยง สิ่งนี้สอดคล้องกับผลสำรวจด้านความเฉื่อยของสุขภาพในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเผยให้เห็นว่า เหตุผลหลักที่ผู้บริโภครับประทานอาหารที่มีประโยชน์น้อยลง มีสาเหตุจากการกินจุบกินจิบเมื่อรู้สึกกังวลและเครียด บวกกับขาดแรงบันดาลใจในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แม้จะเป็นสิ่งที่ท้าทายพอสมควร แต่เราก็ควรรับประทานอาหารที่มีโภชนาการสมดุลและให้สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันและส่งเสริมพร้อมกับรักษาสุขภาพที่ดี อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นในการทำงาน ผสมอาหารของคุณด้วย เมนูปั่นเพื่อสุขภาพ ที่เพิ่มโปรตีน ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ และยังเพิ่มพลังงานได้ดีอีกด้วย และหากต้องการให้คนในครอบครัวได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไปพร้อมกับคุณ เราขอแนะนำให้ทำเมนูอาหารที่สร้างสรรค์ทั้งอร่อยและมีสารอาหารครบถ้วนให้พวกเขารับประทานเป็นประจำ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@vanyaoboleninov

3. นอนหลับสนิท

การนอนหลับ คือ สิ่งสำคัญในการเติมพลังงานให้กับตัวคุณเอง ในเวลาที่รู้สึกเครียด เรามักจะหลับไม่ค่อยลง การจัดบริเวณที่นอน คือ กุญแจสำคัญในการนอนหลับสนิท เริ่มจากห้องนอนที่มืดสงบปราศจากสิ่งรบกวน ใช้ห้องนอนเพื่อการนอนหลับเท่านั้นถ้าทำได้ เพื่อไม่ให้คุณรู้สึกอยากจะทำงานหรืองานอดิเรกอื่นในห้องนอน พักจากการท่องโลกดิจิตอล และเมื่อคุณเข้านอน ให้วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ที่อื่น นอกจากนี้ อีกเคล็ดลับหนึ่ง คือ การทำกิจกรรมก่อนนอนเช่นเดียวกับที่พ่อแม่หลายคนทำให้ลูกน้อย โดยคุณอาจจะอาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือดีๆ ดื่มชาสมุนไพรสักแก้ว จากนั้นค่อยดับไฟ

4. จัดหาเวลาส่วนตัว

ในอีกด้านหนึ่ง ซาแมนธาเสริมว่า ด้วยความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน หลายคนจึงอยากอยู่ตามลำพังบ้าง การหาเวลาส่วนตัว แม้จะแค่ 30 นาที จะส่งผลดีต่ออารมณ์และพลังงาน เดินเข้าป่าหรือสำรวจหาเพื่อนบ้านใหม่ หาเวลาเข้าไปอยู่ในห้อง ปิดไฟ และพักหายใจ หรือคว้าหนังสือสักเล่ม และหาที่เงียบสงบเพื่อพักกายพักใจ ในช่วงเวลาเช่นนี้ คุณต้องการเวลาพักผ่อน เติมพลัง หรือผ่อนคลายลงบ้าง

ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณจำเป็นต้องผ่อนหนักผ่อนเบากับตัวเองบ้าง วิธีที่ดีที่สุดในการเติมเต็มพลังงานเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า คือ การให้ความสำคัญกับการดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย หาเวลาอยู่ลำพัง หรือหัวเราะเฮฮากับเพื่อน ร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับการเติมพลังและเพิ่มพลังงาน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/nastya_gepp-3773230/

5. ติดต่อพูดคุยกับผู้อื่น

แม้คุณอาจจะอยู่กับครอบครัวและเจอเพื่อนร่วมงานผ่านวีดีโอ แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับการพูดคุยกับเพื่อนหรือญาติๆ ที่อยู่ห่างไกล ได้หัวเราะและคุยเรื่อยเปื่อย การได้ติดต่อพูดคุยกับผู้อื่น ช่วยส่งเสริมสุขภาพของเรา โดยจะช่วยให้เราใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับโทรศัพท์ ส่งข้อความ พูดคุย หรือเขียนจดหมายถึงเพื่อนเก่าที่โรงเรียน การติดต่อพูดคุยกับคนอื่นจะช่วยให้คุณรู้สึกดี ทำให้สุขภาพใจรวมถึงสุขภาพกายดีขึ้น และช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย

การสนับสนุนจากคนรอบข้างส่งผลดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกายของเรา คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง เพื่อนที่ยิม หรือเพื่อนที่ออกกำลังกายด้วยกัน รวมถึงผู้ที่สนใจในการออกกำลังกายรอบตัวที่คอยสนับสนุน จะช่วยกระตุ้นให้เราเดินหน้าสู่เป้าหมายเพื่อสุขภาพที่ดีได้ นอกจากนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยียังช่วยให้เราสามารถสร้างชุมชนเสมือนจริงสำหรับการออกกำลังกายขึ้นมาได้ นอกเหนือจากกลุ่มออกกำลังกายในโลกความจริง แอปเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายมากมายในปัจจุบันมีคุณสมบัติที่ช่วยให้เราติดต่อพูดคุยกับผู้คนหรือชุมชนที่มีความสนใจเหมือนกันเพื่อแลกเปลี่ยนเคล็ดลับและหาแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายเป็นกิจวัตร

และถ้าหากใครที่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้วล่ะก็ DooDiDo เชื่อได้เลยว่าเทคนิคทั้ง 5 วิธีเหล่านี้นั้นหากใครที่นำไปทำตามแล้วล่ะก็เชื่อได้เลยว่า ก็จะช่วยให้ทุกคน สามารถติมความสดชื่น คลายความเหนื่อยล้าได้ดีเลยล่ะค่ะ แน่นอนด้วยว่าบางวิธีหรือบางเทคนิคนั้นก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะอย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็ต้องมีมุมที่รู้สึกสบายใจที่จะอยู่ หรือที่จะทำใช่มั้ยล่ะคะ ทุกคนนอาจจะอยากที่จะผ่อนคลายด้วยการอยู่คนเดียวมากกว่าที่จะออกไปเจอผู้คนหรือบางคนอาจจะผ่อนคลายมากกว่าหากไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.sanook.com