อาการปวดหัวแบบไหนที่ไม่ควรละเลย อันตรายต้องรีบไปพบแพทย์??
มาดู!! 5 อาการปวดหัวที่พบกันบ่อยที่สุด และสาเหตุของมัน
เราคิดว่าหลายๆ คนคงเคยเจอกับอาการปวดตื้อๆ หนักๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ขมับ หน้าผาก กลางศีรษะ และท้ายทอย อาการปวดจะรู้สึกเท่าๆ กันทั้งสองด้านของศีรษะ โดยอาจจะเริ่มต้นที่ด้านหลังของศีรษะ และคอ แล้วเรื่อยลงไปที่ไหล่ หรืออาจปวดจากไหล่ขึ้นมาหาศีรษะก็เป็นได้ อาการปวดเหล่านี้อาจจะต่อเนื่องกันอยู่นานเพียงครึ่งชม. จนถึงหลายวัน บางคนอาจปวดนานติดต่อกันทุกวันเป็นสัปดาห์ หรืออาจเป็นแรมเดือน หรืออาจเป็นๆ หายๆ ก็ได้
“ปวดหัว” เป็นอาการตอบสนองทางร่างกายต่อสิ่งเร้าที่เกิดกับร่างกายของเรา ถึงแม้เราจะรู้สึกเหมือนกันว่า ปวดหัวก็คือปวดหัว แต่ความจริงแล้วอาการปวดนั้นแตกต่างกันไปทั้งความรู้สึกและความรุนแรง รวมถึงตำแหน่งที่เกิดอาการปวดด้วย ฉะนั้นการจะรับมือกับอาการปวดหัวแต่ละแบบ เราควรมาทำความรู้จักกับความรู้สึกของการปวด และตำแหน่งที่ปวดกันก่อน เพราะอาการปวดหัวแต่ละแบบนั้นบ่งบอกสาเหตุและโรคที่แตกต่างกันไป
1. ปวดหัวไม่เหมือนเดิม
เราสามารถสังเกตอาการปวดหัวของเราในแต่ละครั้งได้ว่ามีอาการเหมือนเดิมหรือไม่ ถ้าปกติมักจะปวดหัวตุบๆ ตรงช่วงกลางหน้าผากอยู่บ่อยๆ แต่คราวนี้ดันปวดหัวมากกว่าเดิม และรู้สึกปวดร้าวๆ บริเวณขมับด้านขวาข้างเดียว ปวดมากจนตาพร่า ถือว่าเป็นอาการปวดที่ไม่เหมือนเดิม อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยถึงอาการที่ผิดปกติได้
2. ปวดหัวเหมือนเดิมแต่เพิ่มความถี่
อาการปวดหัวสามารถเกิดขึ้นได้บ้างเป็นบางครั้ง ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอะไรมาก แต่หากปวดหัวแบบเดิมซ้ำๆ บ่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้ปวดหนักมาก แต่ก็ยังถือว่าอาจมีความผิดปกติได้ หากปวดหัวบ่อยขึ้น ปวดหัวทุกวัน หรือวันละหลายๆ ครั้ง จนกระทั่งปวดหัวตลอดเวลา น่าจะไม่ใช่อาการปวดหัวธรรมดาๆ แล้วล่ะ
3. ปวดหัวจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก
ตามปกติแล้วเมื่อเราอยู่ในช่วงหลับลึก ประสาทสัมผัสต่างๆ ของเราจะลดลง หากมีอาการบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งอาการปวดต่างๆ ก่อนเข้านอน เมื่อเรานอนจนเข้าสู่ช่วงหลับสนิทแล้ว เราจะไม่รู้สึกถึงอาการเหล่านั้น แต่หากเป็นอาการปวดเฉียบพลันที่ทำให้เราทนไม่ไหว ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก นั่นหมายความว่าเป็นอาการปวดที่ไม่ธรรมดา
4. ปวดหัวพร้อมอาการข้างเคียงอื่นๆ
หากปวดหัวเพียงอย่างเดียว ทานยาก็หาย แต่ถ้าปวดหัวมากๆ แล้วยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตาพร่ามัว หน้ามืด แขนขาอ่อนแรง หน้าหรือปากเบี้ยว มีความเป็นไปได้ว่าจะมีความผิดปกติทางประสาท และสมอง
5 ปวดหัวแล้วทานยาไม่หาย
จากที่เคยคว้าพาราเซตามอลมาทานเม็ดเดียวหาย ก็เริ่มต้องทานเพิ่มเป็น 2 เม็ด หรือเริ่มที่จะต้องเปลี่ยนตัวยาไปพอนสแตน หรือตัวยาอื่นๆ ที่แรงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าไม่ใช่อาการปวดหัวธรรมดาๆ อย่างที่เคยเป็นแน่นอน อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจกำลังทวีความรุนแรงโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวก็ได้
หากคุณรู้สึกว่ากำลังถูกรบกวนด้วยอาการปวดหัวแบบนี้ ซึ่งอาจบรรเทาได้ด้วยการกินยาแก้ปวดแบบธรรมดา แต่ถ้าปวดหัวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจนะคะ DooDiDo แนะนำว่าหากมีอาการปวดหัวที่ผิดปกติเหล่านี้ แนะนำให้รีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยโรคร้ายอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับประสาท และสมองได้น่ะค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: www.facebook.com/NarahShop