สาเหตุและวิธีป้องกันตนเองจากโรคตาแดง โรคตาอักเสบ ตาติดเชื้อ??
ระวัง!! โรคตาแดง ติดเชื้อง่าย ระบาดเร็ว
ในช่วงที่เรากำลังประสบปัญหาจากฝุ่น PM2.5 นอกจากจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของเราแล้วยังส่งผลกระทบไปถึงดวงตาอีกด้วย นั่นก็คือโรคตาแดง คือ การติดเชื้อที่ดวงตา ทำให้เกิดอาการผิดปรกติ คือ คือ ดวงตาบวม แดง แสบ และ มองเห็นไม่ชัดเจน สาเหตุของอาการตาแดง อาการของโรค การรักษาและแนวทางการป้องกัน ทำอย่างไร วันนี้จะนำข้อมูลดีๆ มาเสนอให้ทราบกันค่ะ
โรคตาแดง ( Pink eye / Conjunctivitis ) เป็นโรคตาที่พบบ่อยมาก เกิดมากในช่วงหน้าฝนเนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยจะอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด ส่วนมากจะเกิดในสถาณที่ชุมชุนแออัดหรือสถาณที่ที่มีคนอยู่รวมกันมาก โรคนี้จะเกิดจากการอักเสบของเยื่อบุตาทำให้สังเกตุจากภายนอกเป็นสีแดง จึงเรียกว่าโรคตาแดง การระบาดในเด็กก็พบได้บ่อยเนื่องจากเด็กต้องไปโรงเรียนและสามารถได้รับเชื้อจากเพื่อน เพราะการติดเชื้อจะเป็นเชื้อไวรัสสามารถติดได้ทั้งทางอากาศ การหายใจ การใช้สิ่งของร่วมกัน การสัมผัสกัน ซึ่งเด็กส่วนมากจะไม่ระวัง เมื่อทำการรักษาแล้วสามารถหายได้ภายในสองสัปดาห์
สาเหตุการเกิดโรคตาแดง
สาเหตุหลักของโรคตาแดง คือ การติดเชื้อที่ดวงตา ซึ่งสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย กิจกรรมในชีวิตประจำวัน มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ต่อความเสี่ยงการเกิดโรคตาแดง
-การใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการรักษาสุขอนามัยส่วนตัว
-การอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทำกิจกรรมร่วมกัน พบมากในโรงเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็ก
-เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย สามารถแพร่กระจายได้ในอากาศ ทั้งจากการไอ การจาม ทำให้ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
-ร่างกายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ พบมากในผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังกาย นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
-การไอ และจาม โดยไม่ใช้ผ้าปิดปาก ทำให้เชื้อฟุ้งกระจายไปในอากาศ แพร่เชื้อให้กับผู้อื่น
พักผ่อนน้อย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
-ที่อยู่อาศัยไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น ไม่ซักผ้าปลูกที่นอน ปลอกหมอน เสื้อผ้า เป็นต้น
-ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ ไม่ยอมถอดขณะนอน หรือไม่ล้างทำความสะอาด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
อาการของโรคตาแดง
อาการของโรคตาแดงจะเกิดขึ้นที่ดวงตาที่มีความเบาะบาง อ่อนไหวต่อการระคายเคืองจากการติดเชื้อ ทำให้เส้นเลือดพองตัว เห็นเป็นสีแดง นอกจากนั้นต่อมน้ำตาจะผลิตน้ำตาออกมาเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกตลอดเวลา ไม่ควรขยี้ตา เพราะ จะทำให้ดวงตาบอบช้ำ และติดเชื้อมากขึ้น ลักษณะที่พบ ได้แก่
-เคืองตา แสบตา กระพริบตาบ่อยมากกว่าปกติ
-น้ำตาไหล ตลอดเวลา เหมือนร้องไห้ตลอดเวลา
-อาการตาบวม ตาตูบ ตาโตกว่าปกติ เห็นจากภายนอกได้ชัดเจน
-ไม่มีขี้ตา แต่จะพบว่าเป็นเมือกใสๆแทน มีความเหนียว ติดอยู่ตามขอบตา
-มีขี้ตามากขึ้น หากได้รับเชื้อแบคทีเรียเพิ่มเติมจากการติดเชื้อไวรัส
-ตาแดงก่ำเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก
-อาการแทรกซ้อนกระจกตาอักเสบ กระพริบตาแล้วรู้สึกเจ็บ
การรักษาและป้องกันโรคตาแดง
นอกจากการพบจักษุแพทย์ ปฏิบัติตามคำแนะนำ รักษาความสะอาด ที่อยู่อาศัย ของใช้ส่วนตัวแล้ว การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายตนเอง ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคตาแดง และโรคติดเชื้ออื่นๆได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ป่วยโรคตาแดงควรพึงระวังการแพร่เชื้อ เพราะ โรคตาแดงสามารถติดต่อสู่ผู้อื่นได้
- การรักษาความสะอาดส่วนตัว โดยเฉพาะใบหน้า และบริเวณรอบดวงตา ใช้น้ำสะอาด สบู่ โพมล้างหน้าที่ใช้ประจำที่ไม่มีอาการแพ้ ทำความสะอาดวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น
- การรับยาแก้ปวด นิยมใช้พาราเซตามอน เพื่อลดอาการปวดจากการอักเสบ
- หากอักเสบมากแพทย์จะให้ยาหยอดตา ลดอาการอักเสบ ให้ใช้ตามปริมาณ และ จำนวนครั้งตาม จักษุแพทย์สั่งเท่านั้น
- กันแดดเพื่อปกป้องดวงตาจากรังสียูวี ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดโรคตาแดงจากการอักเสบแล้ว อาจจะรุนแรงถึงเป็นโรคต้อเนื้อได้
- เช็ดขี้ตาด้วยผ้าสะอาด ไม่ขยี้ตา ตอนตื่นนอน เพราะ จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- หากเป็นโรคตาแดงแล้ว ควรหยุดงานหยุดเรียนจนกว่าจะหายดี เพราะจะได้ไม่แพร่ไปติดคนอื่น เป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ
- งดใช้ของใช้ส่วนตัวทุกชนิดร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะของใช้ที่มีโอกาสสัมผัสกับดวงตา เช่น ผ้าเช็ดหน้า แว่นตา
- หากเป็นโรคตาแดงแล้วไม่ควรซื้อยามาหยอดเอง ควรรีบพบจักษุแพทย์ เพราะหากรักษาเองแล้วอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต้อกระจก โรคต้อหิน โรคต้อเนื้อ โรคต้อลม ซึ่งจะทำให้การรักษายากมากยิ่งขึ้นได้
เมื่อรู้สาเหตุและวิธีป้องกัน รักษาโรคตาแดง จากที่ DooDiDo นำมาบอกให้ทราบกันแล้ว ก็อย่าลืมดูแลตังเองและดูแลสุขภาพของดวงตากันด้วยนะคะ หากคุณรู้สึกถึงความผิดปกติจากดวงตา ก็ให้รีบไปพบจักษุแพทย์ ปฏิบัติตามคำแนะนำ เพื่อให้ห่างไกลจากโรคตาแดงกันนะคะ
ขอบคุณแหล่งที่มา: https://lungwee.com