สายเฮลตี้ควรรู้!! การกินผักผลไม้ตามฤดูกาลลดเสี่ยงต่อสารเคมี

WM

คุณประโยชน์มากมายที่มีในผักและผลไม้ กับประโยชน์ดีๆ ต่อลำไส้ของเรา

ยุคสมัยนี้เราต้องยอมรับว่าวิถีการกิน การอยู่ได้เปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อนไปแล้ว และคนส่วนใหญ่ก็หันมาใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพในเรื่องการกินเพื่อสุขภาพมากขึ้นด้วย ดังนั้นการ“กินผักตามฤดูกาล ลดเสี่ยงสารเคมี” เป็นวลีที่อยากให้เตือนใจไว้เสมอ สำหรับวิธีเลือกผักและผลไม้ตามฤดูกาล ที่ควรเลือกซื้อหาไว้รับประทาน มีข้อสังเกตได้ง่ายๆ จากลักษณะเด่นของผักผลไม้แต่ละฤดู ดังนั้นหากต้องการลดความเสี่ยงเรื่องสารตกค้าง เราคงต้องเริ่มสร้างเทรนด์ใหม่จากการเลือกผักผลไม้ที่ออกตามฤดูกาล เพื่อจะได้เป็นผักและผลไม้ที่ธรรมชาติออกแบบให้เติบโตในช่วงเวลานั้นจริงๆ จะได้ปลอดภัยกว่าและมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอย่างเต็มที่ แบบที่ไม่ต้องถูกเร่งการเจริญเติบโตให้ทันใจผู้บริโภค

ไอเท็มสุขภาพที่ใครๆ ก็รู้จัก นั่นก็คือ ผักและผลไม้ นั่นเอง แต่คนส่วนมากไม่รู้ว่ากินแล้วดีอย่างไร กินในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และจะต้องกินในช่วงเวลาไหนที่จะเหมาะสมกับประโยชน์ของผักผลไม้แต่ละชนิดด้วย วันนี้เราจึงขอพาทุกท่านไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับประทานผักและผลไม้ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อจะได้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกาย มาดูกันค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@nadineprimeau

ประโยชน์ของการ กินผักผลไม้

คนที่ กินผักผลไม้ อย่างเพียงพอ นอกจากจะมีภูมิคุ้มกันต่อต้านโรคสูงกว่าคนที่กินผักผลไม้น้อยแล้ว คนเหล่านี้ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วย 3 เหตุผล

1.ในผักผลไม้มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายตัวที่ลดการทำลายเซลล์

2.ผักผลไม้มีใยอาหาร นอกจากจะสามารถจับสารก่อมะเร็งและขับออกจากร่างกายได้ ยังจับน้ำไว้ในลำไส้ เกิดการกระตุ้นให้มีการอุจจาระสม่ำเสมอ เป็นการลดสารพิษที่สัมผัสกับลำไส้ขับออกจากร่างกาย

3.ผักผลไม้ที่มีรสหวานน้อยให้พลังงานต่ำ กินบ่อยๆ ได้ไม่ทำให้อ้วน พอไม่อ้วนก็ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/silviarita-3142410/

ต้องกินผักผลไม้วันละเท่าไร

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะให้เด็กกินผักวันละ 4 ทัพพี ผู้ใหญ่วันละ 6 ทัพพี (1 ทัพพี เท่ากับ 3-4 ช้อนกินข้าว) ส่วนผลไม้ให้กินวันละ 3-5 ส่วน ใน 1 ส่วนเท่ากับ มะละกอสุกหรือฝรั่งหรือแตงโมประมาณ 6 ชิ้นพอคำ หรือถ้าเป็นกล้วยน้ำว้า ส้มเขียวหวาน เท่ากับ 1 ลูก เป็นต้น แต่ในทางปฏิบัติ เราไม่สามารถจะมาคอยนั่งตวงวัดขณะที่เรากิน จึงแนะนำให้กินอาหารที่มีเมนูผักในปริมาณที่พอดีครบทั้งสามมื้อ และควรกินผลไม้รสหวานน้อย แทนขนมหวานเป็นประจำ ขอยกตัวอย่างเมนูในหนึ่งวันที่ทำให้เรามั่นใจว่าได้กินผักผลไม้อย่างพอเพียงคือ อาหารมื้อเช้ากินข้าวกับแกงจืดตำลึงหมูสับ ไข่ต้ม และกินฝรั่ง 6-8 ชิ้นพอคำเป็นอาหารว่าง มื้อกลางวันกินราดหน้าผักคะน้าต้องมากพอไม่ต่ำกว่า 1 ทัพพี บ่ายกินส้มเขียวหวาน 1 – 2 ลูก มื้อเย็นกินน้ำพริกกะปิผักจิ้ม และแกงเลียง กินกล้วยน้ำว้า 1-2 ลูก

กินอย่างไรจึงปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด

การกินผักผลไม้ให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้:

  • กินผักผลไม้ให้หลากหลายชนิด เพื่อจะให้ได้สารอาหารที่หลากหลายอย่าง
  • ควรหาโอกาสกินผักผลไม้พื้นบ้านเป็นประจำ เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีปนเปื้อน ต้องล้างผักผลไม้ก่อนกินทุกครั้ง การล้างผักมีหลายวิธี เช่น ใช้ผงฟูครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร แช่ผักผลไม้ไว้ 25 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด จะสามารถลดสารพิษตกค้างได้มากถึง 90-95 % หรือจะใช้น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร แช่ผักผลไม้ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด จะสามารถลดสารพิษตกค้างได้ 60–84%
  • ควรกินผักผลไม้ตามฤดูกาลจะได้สารอาหารและลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารพิษ
  • ควรกินผลไม้รสหวานน้อยและหวานปานกลางเป็นอาหารว่างแทนขนมหวาน
  • กินผลไม้อย่างเดียวไม่พอ ต้องออกกำลังกายด้วย
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/andrzejrembowski-2775184/

การกินผักผลไม้อย่างเดียว ไม่เพียงแต่จะทำให้ลำไส้สบายยิ้มได้เท่านั้น แต่ต้องมีพฤติกรรมสุขภาพด้านอื่นเข้ามาช่วยเสริมด้วย โดยเฉพาะการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดการกินเนื้อสัตว์ใหญ่ให้น้อยลง หันไปกินปลาและโปรตีนจากถั่วเมล็ดแห้งให้มากขึ้น ลดการกินอาหารหวานจัด มันจัด และเค็มจัด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่ ตลอดจนควบคุมอารมณ์หรือจัดการความเครียดให้ได้ ที่สำคัญสุดๆ ที่ขาดไม่ได้เลยคือออกกำลังกายเป็นประจำ

การกินผักผลไม้อย่างเพียงพอและปลอดภัยเป็นประจำ ควบคู่กับการมีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ดังกล่าว คงไม่เพียงทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังตามที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น แต่จะนำไปสู่การมีสุขภาพดีโดยองค์รวม สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดคือสิ่งที่ผมได้ปฏิบัติจริงมายาวนานเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 30 ปี จนถึงปัจจุบันนี้อีก 3 ปี ผมจะอายุครบ 70 ปี แต่สุขภาพผมดีตลอดมาครับ

จากข้อมูลที่ DooDiDo นำมาฝากนั้นก็คงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ชอบทานผักและผลไม้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและสุขภาพดีอย่างยั่งยืนใช่ไหมคะ อย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บกันนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา https://thedistrictweb.com