สมูทตี้โยเกิร์ตมะม่วง อร่อย คลายร้อนได้ดี

มะม่วงมีวิตามินซีสูง จึงช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี

หน้าร้อนแบบนี้ถ้าได้ดื่มสมูทตี้เย็น ๆ สุดละมุนสักแก้ว คงจะช่วยบรรเทาความร้อนได้เป็นอย่างดี และในหน้าร้อนจะมี มะม่วง ที่เป็นผลไม้หน้าร้อนที่มาพร้อมกับรสชาติดีถูกใจชาวไทยและต่างชาติ หากนำมาทำสมูทตี้สักแก้วบอกเลยว่าอร่อยอย่างเดียวไม่พอ เพราะมะม่วงเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะมะม่วงสุกที่มีกลิ่นหอมหวานนั้น ให้ประโยชนืต่อร่างกายแบบที่เราคาดไม่ถึงกันเลยค่ะ และวันนี้เรามีสูตร สมูทตี้โยเกิร์ตมะม่วง ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานโดนใจ อร่อย คลายร้อนได้ดีมาฝากค่ะ

มะม่วง ผลไม้ยอดฮิตที่หลายคนชอบทาน นอกจากทำเป็น เมนูมะม่วง ยอดฮิต อย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง แล้ว รู้หรือไม่ว่า มันยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการที่คุณอาจคาดไม่ถึงอีกด้วย หากอยากรู้ว่ามะม่วงมีดีอย่างไร แอดมิน จะเล่าให้ฟัง รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะหลงรักการทานผลไม้ชนิดนี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หน้าร้อนแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ดื่ม สมูทตี้โยเกิร์ต เย็นๆ อีกละ เราเลยไม่รอช้านำ สูตรเครื่องดื่ม สมูทตี้โยเกิร์ตมะม่วง คลายร้อน สดชื่น ทำง่ายที่บ้าน! บอกเลยว่าสูตรนี้ทำง่ายมาก ส่วนผสมไม่มาก ใช้เวลาทำไม่นาน หอมกลิ่นมะม่วงสุดๆ ปั่นกินช่วงกลางวัน บอกเลยว่าฟินสุดไรสุด ใครอยากได้สูตรเครื่องดื่มคลายร้อนไว้กินช่วงนี้ ตามมาจดเลยจ้า!

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/terimakasih0-624267/

ส่วนผสม สมูทตี้มะม่วงโยเกิร์ต
– มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 1 ลูก
– น้ำแข็ง 1 ถ้วย
– น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
– โยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ
– เกลือป่น ⅛ ช้อนชา

ท็อปปิ้ง และส่วนประกอบ
– โยเกิร์ต
– มะม่วงน้ำดอกไม้สุกหั่นเต๋า

วิธีทำ สมูทตี้มะม่วงโยเกิร์ต
1.ปลอกมะม่วง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พักไว้สำหรับปั่น อีกลูกหั่นเป็นเต๋าสำหรับตกแต่ง
2.นำมะม่วงใส่โถปั่น ตามด้วยน้ำแข็ง โยเกิร์ต น้ำเปล่า น้ำเชื่อม และเกลือ
3.ปั่นให้เนียนละเอียดดี นำมะม่วงใส่ลงในแก้ว ตามด้วยสมูทตี้
4.ปิดท้ายด้วยมะม่วงอีกที ตกแต่งด้านบนตามชอบ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/boyarkinamarina

สรรพคุณของมะม่วง
1.รับประทานมะม่วงก็ช่วยทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวาได้เหมือนกัน
2.มะม่วงมีวิตามินซีสูง จึงช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
3.มะม่วงมีวิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
4.ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบตาแคโรทีน
5.เป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย
6.ช่วยทำให้ผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
7.ช่วยทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ปรับสมดุลภายใน
8.ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
9.ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ
10.มีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ รวมไปถึงต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
11.ช่วยเยียวยาและรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ใบมะม่วงประมาณ 15 ใบ นำมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาต้มในน้ำสะอาด 1 ถ้วย โดยใช้ไฟอ่อน ๆ นาน 1 ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งก็เติมเรื่อย ๆ เมื่อเสร็จแล้วนำมาตั้ง
ทิ้งค้างคืนไว้ 1 คืน พอเช้าก็นำมากรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน
12.ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ด้วยการรับประทานผลสดแก่
13.ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ด้วยการรับประทานผลสดแก่
14.ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
15.ช่วยแก้โรคคอตีบ ด้วยการใช้เปลือกของลำต้นมะม่วงมาต้มรับประทาน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/topntp26

วิธีเลือกมะม่วงให้ได้รสชาติหวานอร่อย
1. เลือกมะม่วงที่มีสีสันสดใสผิวเปลือกเรียบสวย ไม่ขรุขระและไม่หยาบ ที่สำคัญจะต้องไม่เหี่ยวด้วย
2. บนผิวเปลือกของมะม่วง ควรมีรอยตกกระพอประมาณ ซึ่งจะเป็นมะม่วงที่สุกกำลังดี
3. ลองดมกลิ่นดู ซึ่งกลิ่นของมะม่วงควรจะมีกลิ่นหอมออกมา โดยยิ่งหอมมากก็จะยิ่งมีรสชาติเข้มข้นและหวานมากขึ้น
4. ลองกดเนื้อมะม่วงดูเบาๆ มะม่วงที่สุกหวานอร่อย จะต้องมีความยืดหยุ่นเล็กน้อย ไม่แข็งและเมื่อกดลงไปจะต้องไม่ยุบด้วย
5. ดูที่จุดดำบนผิวมะม่วง โดยมะม่วงที่สุกกำลังพอดีมักจะมีจุดดำเล็กน้อย แต่หากมีจุดดำมากไป แสดงว่ามะม่วงใกล้จะเสียแล้ว
6. สังเกตมะม่วงที่มีขนาดเดียวกัน ลูกที่หนักกว่ามักจะมีรสชาติที่อร่อยและเนื้อแน่นกว่า

นอกจากความอร่อย ละมุนอย่างลงตัว ที่มาพร้อมกับรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ได้หบิ่นหอมจากมะม่วงแบบเน้น ๆ แล้ว DooDiDo สมูทตี้โยเกิร์ตมะม่วงยังสามารถทำเองได้ง่าย ๆ จากที่บ้าน ด้วยส่วนผสมที่ไม่ยุ่งยาก ใคร ๆ ก็ทำตามได้ รับรองว่าคุณจะต้องหลงใหลในความอร่อย รับรองว่าใครได้ชิมก็ต้องติดใจ แถมยังช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี แต่อย่าดื่มมากเกินวันละ 1 แก้วนะคะ เพราะมะม่วงเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีรสชาติหวาน และมีไฟเบอร์น้อย เมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ แต่ความหวานที่มีอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลเสียแก่ร่างกายได้นั่นเอง

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://food.trueid.net, https://bread-at-home.com