วิธีทำ”น้ำฝรั่ง”เครื่องดื่มน้ำผลไม้เย็นฉ่ำเติมสุขภาพรับหน้าฝน

WM

“น้ำฝรั่ง” มากด้วยประโยชน์ แถมมีวิตามินซีมากที่ช่วยต้านหวัดได้

เราเชื่อได้เลยว่ามีหลายๆ คน ที่กำลังเข้าสู่ในโหมด “ลดน้ำหนัก” อย่างจริงจังนั้น นอกจากจะต้องปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเองอย่างขนานใหญ่แล้ว รูปแบบอาหารก็ต้องเปลี่ยนแปลงจากที่กินอยู่เป็นประจำ มาเปลี่ยนเป็น อาหารเฉพาะของโปรเจกต์ดังกล่าวนี้ เพื่อเป้าหมายสิ่งเดียว นั่นคือ การลดน้ำหนักตามเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้ให้จงได้ และแน่นอน เมื่อมาถึงโหมดผลไม้ด้วยขึ้นชื่อว่าเป็น ‘พืช’ ชนิดนึง ที่เป็นผลมาจากราก ทำให้เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ช่วยทำให้เราสามารถอิ่มท้องได้แล้ว สรรพคุณที่ได้จากสิ่งเหล่านี้ ก็ไปช่วยสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายได้ด้วย ซึ่ง ผลไม้ที่มีนามว่าฝรั่งนั้น ก็อยู่ในจำพวกนั้น

นอกจากสับเป็นชิ้นๆ แล้ว ขอให้ลองนำมาทำเป็นน้ำผลไม้  โดยเฉพาะน้ำฝรั่งซึ่งมีวิตามินซีมากที่ช่วยต้านหวัดได้กันจ้า ขอนำเสนอวิธีทำน้ำฝรั่ง จับฝรั่งไปปั่นจนละเอียด กรองเอาแต่น้ำ หรือใครจะกินกากลงไปด้วยก็ไม่ต้องกรองนะคะ เติมน้ำผึ้งกับมะนาวลงไปหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติ เติมวิตามินซีรับหน้าฝนกับน้ำฝรั่ง สูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทำจากผลไม้สด เติมน้ำผึ้งกับมะนาวเพิ่มความสดชื่น ดื่มเพียว ๆ ก็ได้ หรือใส่น้ำแข็งหรือก็ยิ่งสดชื่น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/6437364-6437364/

ส่วนผสม น้ำฝรั่ง

  • ฝรั่ง 2 ลูก
  • น้ำมะนาว 1 ลูก
  • เปลือกมะนาวขูด เล็กน้อย
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น เล็กน้อย
  • สารสกัดหญ้าหวาน หรือน้ำตาลทราย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/myccf-20343736/

วิธีทำ น้ำฝรั่ง

  1. ล้างฝรั่งให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่า ปั่นจนละเอียด
  2. กรองเอาแต่น้ำ ใส่เปลือกมะนาวขูด และบีบน้ำมะนาวลงไป เติมเกลือ น้ำผึ้ง และน้ำตาลทรา
  3. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทน้ำฝรั่งลงไป

อยากให้ลองทำน้ำฝรั่งสำหรับคนพิเศษกัน จะใช้ฝรั่งพันธุ์ไหนก็ตามชอบ ถ้าอยากลิ้มรสชาติจากผลไม้สด ๆ ก็ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลยจ้า หลายๆ คน คงทราบคร่าวๆ แล้วว่าผลไม้นามฝรั่งนั้น เป็นตัวช่วยชั้นดีในการลดน้ำหนักให้กับใครก็ตามที่เริ่มภารกิจดังกล่าว นอกจากนี้ ยังให้ประโยชน์แก่ร่างกายไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่นอีกด้วย แต่เพื่อความเข้าใจให้มากขึ้น เราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับผลไม้ชนิดนี้กัน

ที่มาของ “ฝรั่ง”

ฝรั่งจัดเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากในแถบอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก สันนิษฐานว่าเข้ามาในประเทศไทย มาตั้งแต่ช่วงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสายพันธุ์ของฝรั่งนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน แต่พันธุ์ที่เป็นที่นิยมรับประทานในบ้านเรา คือ ฝรั่งกิมจู ฝรั่งเวียดนาม ฝรั่งแป้นสีทอง ฝรั่งไร้เมล็ด และ ฝรั่งกลมสาลี เป็นต้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/mohann-8137807/

สรรพคุณและประโยชน์ของ “ฝรั่ง”

อย่างที่กล่าวในช่วงต้น ‘ฝรั่ง’ นั้นมีคุณลักษณะทางโภชนาการอย่างมาก กล่าวคือ เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มากกว่าผลไม้ทุกชนิดที่มี และ วิตามินเอ ซึ่งคุณประโยชน์นั้นมีมากกว่ามะนาว และ ส้ม เสียอีก ซึ่งถ้าวัดปริมาณน้ำหนัก 165 กรัม จะให้วิตามินสูงถึง 377 มิลลิกรัมเลยทีเดียว แถมยังให้พลังงานต่ำอีกต่างหาก (ฝรั่ง 1 ลูก ให้พลังงานแค่ 45 แคลอรี่ เท่านั้น)

ส่วนประโยชน์ของ ‘ฝรั่ง’ นั้น มีมากกว่าที่คิด โดยจะขอแบ่งเป็นข้อต่างๆ ดังนี้

  • ด้านโรคภัยเช่น ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด, ใช้รักษาอหิวาตกโรค, ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน, ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายให้ห่างไกลโรคลำไส้อักเสบ, สารอนุมูลอิสระ ยังช่วยให้เราไม่เป็นโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในช่องท้อง มะเร็งกล่องเสียง หรือมะเร็งหลอดอาหาร เป็นต้น
  • ด้านร่างกายนอกจากเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยเพิ่มระดับไขมันดีในร่างกาย (HDL), การได้รับวิตามินซี จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ ซึ่งส่งผลให้สุขภาพหัวใจของเราแข็งแรง , ช่วยกำจัดคราบอาหารบนตัวฟัน ในตอนรับประทานได้
  • ด้านสมอง ฝรั่งช่วยให้ความจำของเราดีขึ้นอย่างเห้นได้ชัด เพราะในผลนั้น มีแร่ธาตุ จำพวก ฟอสฟอรัสและทองแดง ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้น
  • ด้านผิวพรรณเช่น มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ที่ช่วยให้ชะลอวัยและริ้วรอยต่าง, เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย, บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง

สำหรับการทาน ‘ฝรั่ง’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น DooDiDo ขอแนะนำว่า ควรกินแบบฝรั่งสด และกินได้ทั้งผล โดยที่ไม่ต้องปลอกเปลือก และไม่ควรเพิ่มรสชาติอื่น ทั้งพริกเกลือ หรือ น้ำปลาหวาน เพราะจะทำให้อ้วนอยู่ดี และที่สำคัญ ทางที่ดีหลีกเลี่ยงการกินฝรั่งที่แปรรูปทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งดอง, ฝรั่งในน้ำเชื่อม หรือ ฝรั่งอบแห้ง เพราะมีการเติมสารความหวานและใส่สารสังเคราะห์แต่งสีเลียนกลิ่นธรรมชาติ ซึ่งทำให้คุณค่าของผลฝรั่งลดลงไป

ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล : https://cooking.kapook.com