วิธีการแก้ไขปัญหาบริเวณใต้วงแขนให้สาวๆ ได้มีความมั่นใจมากขึ้น

WM

รวบรวมวิธีแก้ปัญหา “กลิ่นตัวแรง” ให้หายขาด

สำหรับสาวๆ แล้วการมีกลิ่นตัวเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยนะคะ เพราะถ้าหากว่าเกิดมีกลิ่นตัวมาในสถานการณ์สำคัญๆ เช่นการออกไปเดท การไปพบกับหัวหน้าหรือการออกไปคุยงานกับลูกค้า ในสถานการณ์สำคัญเหล่านี้ก็อาจจะทำให้ถูกมองไม่ดีได้และถ้าหากว่าโดนเพื่อนทักมาล่ะก็ยังไงก็ต้องเสียความมั่นใจกันบ้างล่ะค่ะ

แต่แล้วจะมีวิธีแก้ยังไงล่ะ? ทุกวันนี้เวลาอาบน้ำก็พยายามทำความสะอาดแบบเน้นย้ำตรงบริเวณใต้วงแขนแล้วนะ แต่ก็ไม่ช่วยเท่าไหร่ กับบางคนยิ่งเป็นหน้าร้อนแล้วล่ะก็แค่ย่างก้าวออกจากบ้านได้ไม่เท่าไหร่ก็เกิดกลิ่นตัวมาประหนึ่งว่าไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันได้ แต่ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้เราได้รวมวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่าให้สาวๆ จะได้มีความมั่นใจมากขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/engin_akyurt-3656355/

1. ลดอาหารที่มีรสจัดและอาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศ : ไม่ว่าจะเป็นหัวหอม ข่า ตะไคร้ หรือเครื่องแกงกะหรี่ เพราะอาหารรสจัดจะส่งผลกับกลิ่นตัว

2. อาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน จึงทำให้มีเหงื่อไคลมาก และจะควรอาบน้ำทั่วถึงทุกซอกมุมในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดอับชื้นหรือตามข้อพับ และใช้สครับรักแร้อาทิตย์ละ 3 ครั้ง

3. เลือกใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่ยับยั้งแบคทีเรีย

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นที่เหมาะกับตัวเอง เน้นพวกสเปรย์หรือแป้งที่ดูดซับความอับชื้นเป็นหลัก

5. สครับผิวบ่อยๆ จะช่วยขัดเอาเหงื่อไคลที่เกาะติดผิวออก

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่กำจัดแบคทีเรีย และควรตากให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/nastya_gepp-3773230/

7. ควรเลือกเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่คับเกินไป เพราะมันจะระบายอากาศได้ยาก

8. ฉีดโบท็อกซ์เพื่อหยุดการทำงานชั่วคราวของประสาทที่กระตุ้นต่อมเหงื่อ แต่จะอยู่ได้เพียง 3-6 เดือนเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

9. อย่าทำความสะอาดมากเกินไป เพราะการทำความสะอาดมากจนเกินไป ทำให้กลิ่นตัวเลวร้ายลง เพราะมันอาจเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายต้องขับเหงื่อให้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดความชุ่มชื้นมากเกินไป

10. โกนขน เพราะขนเป็นบ่อเกิดของการสะสมเชื้อแบคทีเรียจนเกิดกลิ่น

11. ใช้ผ้าขนหนู หรือผ้าเช็ดหน้ามาชุบน้ำแล้วบิดให้หมาด หยดน้ำหอมลงไปเล็กน้อย แล้วนำมาเช็ดตามร่างกาย ใต้วงแขน ข้อพับ และแผ่นหลังให้ทั่ว

12. ไม่ควรขัดผิวบ่อยๆ เพราะการขัดผิวจะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกายถูกทำลาย ทำให้เกิดกลิ่นตัวง่าย ให้ขัดผิว 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอ

13. ใช้แป้งดับกลิ่นตัว นิยมกันอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ แป้งตราเต่าเหยียบโลก และ แป้งสะอาด โดยการนำมาใช้ทาให้ทั่วหลังอาบน้ำเสร็จ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ที่ให้เน้นทาเป็นพิเศษหน่อย เพราะเป็นจุดอับที่เป็นตัวแพร่ขยายของแบคทีเรียได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@ana_essentiels

14. น้ำยาระงับกลิ่นกาย หรือ ดีโอโดแรนท์ (Deodorant) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยน้ำยาระงับกลิ่นกายเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ เพราะกลิ่นกายเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้ามาผสมกับเหงื่อ หากเราใช้น้ำยาระงับกลิ่นกายที่มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรีย กระบวนการที่ทำให้เกิดกลิ่นก็จะไม่เกิดขึ้น และน้ำยาระงับกลิ่นกายบางยี่ห้อยังมีสารระงับเหงื่อที่ผสมอยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยเข้าไปจัดการกับเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา ทำให้เราไม่มีกลิ่นกาย นอกจากนี้น้ำยาระงับกลิ่นกายทั้งหลายก็มักจะใส่น้ำหอมเข้าไปด้วย ทำให้เรามีกลิ่นตัวหอมๆ แทนกลิ่นเหงื่อและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์

15. ยาระงับเหงื่อ หรือ แอนตีเพอร์สไปแรนท์ (antiperspirant) ให้เลือกใช้แบบที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและทำให้รักแร้ดำจากผื่นได้ โดยยาทาชนิดนี้จะไปทำปฏิกิริยาให้เกิดการอุดตันในท่อเหงื่อและลดการไหลของเหงื่อได้ ทางที่ดีคุณควรไปพบแพทย์เพื่อสั่งยาที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมคลอไรด์ 20% สำหรับทาระงับเหงื่อ

16. ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ โดยน้ำมันสกัดจากพืชหลายชนิดและสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิดก็มีสรรพคุณระงับกลิ่นกายได้ เช่น สารส้มสามารถช่วยระงับกลิ่นกายได้อย่างอยู่หมัด หรือจะใช้สารส้มสะตุนำมาผสมกับพิมเสนอย่างละเท่าๆ กัน บดให้ละเอียด แล้วผสมแป้งฝุ่นหรือดินสอพอง หยดน้ำลงไปนิดหน่อย แล้วนำมาใช้ทารักแร้ก็ได้

17. ปูนแดง สามารถใช้ลดกลิ่นตัวได้ ด้วยการใช้ปูนแดงผสมกับน้ำทารักแร้หลังอาบน้ำ หรือจะใช้ปูนแดงและใบตำลึงนำมาตำผสมกัน ใช้พอกรักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก ซึ่งความเป็นด่างของปูนแดงจะช่วยปรับภาวะกรดในร่างกายที่ขับแบคทีเรียออกมาบนผิวได้ แต่ก็อย่าใช้ปูนแดงในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะจะกัดผิว ซึ่งถ้าหากทำเป็นประจำ กลิ่นตัวก็จะหายไปอย่างถาวร และยังทำให้ขนรักแร้ลดน้อยลงอีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/naturefriend-194918/

18. เบคกิ้งโซดาหรือผงฟู ช่วยขจัดกลิ่นตัวได้ โดยให้นำเบคกิ้งโซดามาผสมกับน้ำเล็กน้อยให้พอข้น แล้วนำมาทาบริเวณรักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก เบคกิ้งโซดาจะช่วยลดกลิ่น ทำลายแบคทีเรีย และขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

19. น้ำสกัดจากใบสะระแหน่ ลองไปหาซื้อน้ำสกัดใบสะระแหน่มาผสมกับน้ำเปล่า แล้วลงไปแช่ดูสักประมาณ 10 นาที ซึ่งน้ำมันสกัดจากใบสะระแหน่นี้จะมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า และขจัดกลิ่นตัวได้ดี

20. สมุนไพรดับกลิ่นตัว ผักสมุนไพรจะช่วยระงับกลิ่นกายได้ มีอยู่หลายชนิด เช่น การรับประทานผักแขยงแบบสดๆ, การรับประทานผักกวางตุ้ง, การใช้น้ำมันพิมเสนต้น (Patchouli oil) ผสมกับน้ำอาบ, ใช้ข่อยขัดรักแร้, ใช้ใบพลูหรือใบฝรั่งนำมาโขลกให้ละเอียด แล้วนำมาทาบริเวณรักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วอาบน้ำล้างออกให้สะอาด หรือจะใช้มะขามเปียกหรือมะนาวแทน หรือจะใช้มะเขือเทศขนาดเท่าผลส้มเขียวหวานประมาณ 5 ผล ใส่น้ำ 2 แก้วปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด แล้วใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำมาเทผสมกับน้ำในอ่างอาบ โดยให้ลงไปแช่ประมาณครึ่งชั่วโมง หากทำเป็นประจำก็จะช่วยลดกลิ่นตัวให้เหลือน้อยลงได้ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอื่นๆ อีกหลายชนิดที่ช่วยลดกลิ่นตัวได้ เช่น รากสามสิบ, ใบขลู่สด, เถา และใบตำลึง หรือแม้แต่คลอโรฟิลล์ เป็นต้น

21. วิตามินและแร่ธาตุ สามารถช่วยต้านกลิ่นตัวได้ เช่น วิตามินซีที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นตัว หรือเลือกรับประทานวิตามินบี 1 ปริมาณ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และให้ลดลงเหลือ 20-30 มิลลิกรัม เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อควบคุมอาการ, รับประทานวิตามินบีคอมเพล็กซ์ 25,000U. หนึ่งวันต่อสัปดาห์ รวมถึงวิตามินบี 6 สังกะสี และแมกนีเซียมช่วยได้เช่นกัน โดยให้เลือกรับประทานอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุสามารถช่วยระงับกลิ่นตัวได้

WM
ขอบคุณภาพจาก:https://pixabay.com/th/users/zerocool-454216/

22. อบสมุนไพรและอาบน้ำสมุนไพร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดและระงับกลิ่นตัวได้

23. miraDry ทางเลือกใหม่ของการรักษา โดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย miraDry คือการใช้ปืนไมโครเวฟทำลายต่อมเหงื่อใต้วงแขนอย่างถาวร โดยวิธีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับต่อมเหงื่อใต้วงแขนหรือรักแร้เท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลเสียอื่นๆ กับเราอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ ซึ่งไม่เพียงแต่วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหงื่อใต้วงแขนได้แล้ว ยังช่วยกำจัดขนรักแร้ใต้วงแขนได้อีกด้วย

24. ใช้คลื่นความถี่วิทยุ เพราะมีกลไกการทำงานโดยการใช้คลื่นความถี่วิทยุเข้าไปทำลายต่อมกลิ่น และต่อมเหงื่อให้หยุดการทำงานอย่างถาวร และการปล่อยคลื่น RF เข้าไปรักษานี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้วผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวตึงกระชับและมีความยืดหยุ่นได้อีกด้วย โดยจะช่วยลดเหงื่อและการเกิดกลิ่นได้

25. ทำไอออนโตที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า สามารถรักษาภาวะเหงื่อออกมาจากฝ่ามือและฝ่าเท้าได้พอสมควร โดยการใช้มือแช่น้ำแล้วผ่านกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ประมาณ 30 นาทีต่อครั้ง แต่ผลการรักษาจะไม่อยู่ถาวร และต้องทำซ้ำหลายครั้งๆ การทำต่อครั้งก็ประมาณ 200 – 500 บาท

26. เลเซอร์ YAG เป็นเลเซอร์ที่ถูกมาใช้กำจัดขนรักแร้เป็นหลัก มีผลพลอยได้คือช่วยกำจัดกลิ่นรักแร้ให้ด้วย ราคาทำครั้งละประมาณ 5,000 บาท และต้องทำประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไป เพื่อผลในการรักษาที่ชัดเจน

27. ผู้ที่มีปัญหากลิ่นตัวมากจนเกินเยียวยา แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อตัดต่อมเหงื่อหรือเส้นประสาทที่ควบคุมต่อมเหงื่อ ซึ่งจะได้ผลดี แต่อาจทำให้เกิดแผลได้ ส่วนแพทย์บางท่านอาจแนะนำให้ผ่าตัดต่อมไขมันใต้ผิวหนังออก หรือดูดไขมันบริเวณรักแร้ออก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ “วิธีที่จะแก้ปัญหากลิ่นตัวของสาวๆ” มีเยอะแยะมากมายให้คุณได้เลือกใช้เลย มีตั้งแต่วิธีที่สามารถรักษาได้ด้วยตนเองจนไปถึงเข้ารับการรักษาจากแพทย์เลยล่ะค่ะ DooDiDo เชื่อว่าไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งในบทความนี้จะช่วยให้คุณได้หายกังวลเรื่องปัญหากลิ่นตัวของคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.palmmade.com