มาดู!! วิธีเช็ควันหมดอายุของเครื่องสำอางและสกินแคร์กันค่ะ

WM

ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุนั้น นับเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้

เคยเป็นกันมั้ยคะ เวลาที่เราซื้อเครื่องสำอางมาใช้แล้วเนี่ยบางทีก็ได้ใช้บ้างไม่ใช้บ้างเพราะอาจจะซื้อใหม่ตลอดเวลาหรือไม่ก็ซื้อมาเปิดใช้ไม่กี่ครั้งก็ไม่ใช้แล้วก็ปล่อยมันฝุ่นเกาะอยู่อย่างนั้น บางคนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้นั้นเมื่อมีโอกาสที่ได้ใช้เครื่องสำอางเหล่านั้นแล้วอาจจะไม่ได้คำนึงถึงวันหมดอายุของเครื่องสำอางเหล่านั้นเท่าไหร่ บางคนอาจเพิ่งรู้เลยก็ว่าได้ว่าเครื่องสำอางก็มีวันหมดอายุ

การใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์หมดอายุ เป็นต้นเหตุของปัญหาผิวระยะยาว เพราะผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุนั้น นับเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียและสารปนเปื้อนที่จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ติดเชื้อและผิวอักเสบตามมาได้ ใครไม่อยากให้ผิวโดนทำร้ายจากเครื่องสำอางหรือสกินแคร์หมดอายุ โดยไม่รู้ตัว มาพลิกโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเช็คกันดีกว่าว่าผลิตภัณฑ์ความงามชิ้นไหน? ควรใช้ต่อไป หรือมีชิ้นไหน? ที่ควรทิ้ง เพราะเสื่อมสภาพแล้วบ้าง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/@freecreativestuff

สังเกตลักษณะเครื่องสำอาง & สกินแคร์หมดอายุ

  1. มีกลิ่นหืน

เครื่องสำอางและสกินแคร์ ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำมัน หากหมดอายุแล้ว จะมีหลิ่นหืน หรืออาจใช้วิธีการจำกลิ่นตอนที่ซื้อมาใหม่ เมื่อไหร่ที่สังเกตเครื่องสำอางหรือสกินแคร์มีกลิ่นต่างไปจากเดิม ก็สามารถตั้งข้อสงสัยได้ว่าเครื่องสำอางหรือสกินแคร์นั้น อาจหมดอายุ

  1. เชื้อราขึ้น

สังเกตลักษณะสีของผลิตภัณฑ์ ถ้ามีสีที่เปลี่ยนไป หรือมีเชื้อราขึ้น นั่นแปลว่าเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ของคุณนั้นหมดอายุแล้ว จึงไม่ควรนำมาใช้อีก

  1. เปลี่ยนสี

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หากเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลหรือสีส้มโปร่งแสง แปลว่ากรดวิตามินซีสูญเสียคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระแล้ว

  1. เกิดการแยกชั้น

การแยกชั้นของเนื้อครีมและน้ำมันในเครื่องสำอางและสกินแคร์ หมายถึงการหมดอายุของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่สังเกตเห็น ก็ควรเลิกใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที

  1. มีเหงื่อหรือหยดน้ำเกาะ

สำหรับลิปสติก หากสังเกตเห็นว่ามีเหงื่อหรือหยดน้ำเกาะอยู่โดยรอบ แปลว่าลิปสติกแท่งนั้นอาจหมดอายุแล้ว แต่ในบางกรณีลิปสติกบางแท่งอาจมีส่วนผสมที่ไม่ลงตัว เช่น ขี้ผึ้งและไขมันบางชนิดอาจไม่เข้ากัน เมื่ออยู่ในความร้อนมากกว่า 40 องศาเซลเซียส ไขมันจะแยกตัวออกมาในรูปแบบเหงื่อ กรณีนี้ลิปสติกยังสามารถใช้ได้อยู่

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/sharonmccutcheon-10414043/

ผิวจะเป็นอย่างไร? ถ้าใช้เครื่องสำอาง & สกินแคร์ หมดอายุ

  • เสื่อมประสิทธิภาพ

เครื่องสำอางและสกินแคร์ที่เสื่อมคุณภาพแล้ว คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป เช่น ครีมกันแดดที่หมดอายุ ก็จะไม่สามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีอีกต่อไป หรือรองพื้นที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เมื่อหมดอายุแล้ว จะไม่เหลือความชุ่มชื้น เนื้อครีมจะแห้ง เกลี่ยยาก เป็นต้น

  • ผื่นแพ้

ผลิตภัณฑ์ความงามอย่างเครื่องสำอางและสกินแคร์ส่วนใหญ่ จะมีส่วนผสมของสารกันเสีย เพื่อคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ แต่เมื่อเครื่องสำอางหรือสกินแคร์หมดอายุ ประสิทธิภาพของสารกันเสียจะหมดไป ถ้ายังนำมาใช้งาน เมื่อเนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสกับอากาศภายนอก แบคทีเรียจะเข้าไปอาศัยและเจริญเติบโตอยู่ในเนื้อผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรียและอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอย่างรุนแรงตามมาในอนาคตได้ เช่น ผิวระคายเคือง อาการคัน ผื่นแดง เป็นต้น

  • สิว

ผลิตภัณฑ์ผิวที่เสื่อมคุณภาพ เป็นที่สะสมของแบคทีเรียและสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเมื่อนำมาใช้จะรบกวนผิว เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว หรือเกิดอาการอักเสบรุนแรง จนสิวลามไปทั่วหน้า เกิดการอุดตันของสิวบนใบหน้า จนผิวตะปุ่มตะป่ำ ขรุขระ ไม่เรียบเนียน

  • ติดเชื้อที่ดวงตา

อายไลเนอร์หรือมาสคาร่าที่หมดอายุ จะนำพาแบคทีเรียมาสู่ดวงตาของเรา ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง และการอักเสบที่ดวงตาได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/@zhugewala-605070

วันหมดอายุ เครื่องสำอาง & สกินแคร์ แต่ละชนิด

  1. ลิปสติก ลิปกลอส และที่เขียนขอบปาก มีอายุประมาณ 2 ปี

Tip ช่วยยืดอายุการใช้งาน : การปิดฝาให้สนิทแล้วเก็บในตู้เย็น และการใช้พู่กันในการทา เพื่อป้องกันแบคทีเรียปนเปื้อน รวมถึงทำความสะอาดกบเหลาที่เขียนขอบปากอย่างสม่ำเสมอ ช่วยยืดอายุลิปสติก ลิปกลอสและที่เขียนขอบปากที่ดีทางหนึ่ง

  1. อายไลเนอร์แบบดินสอ และอายแชโดว์ มีอายุประมาณ 2 ปี

Tip ช่วยยืดอายุการใช้งาน : ฉีดแอลกอฮอล์ลงบนอายแชโดว์เล็กน้อย และใช้สำลีสะอาดกดซับเบาๆ ช่วยกำจัดคราบสกปรกที่ตกค้างในอายแชโดว์ได้

  1. แป้ง บลัชออน ไฮไลท์ และบรอนเซอร์ มีอายุประมาณ 2 ปี
  2. แป้งตลับ แป้งอัดแข็ง และแป้งผสมรองพื้น มีอายุประมาณ 1 ปี
  3. รองพื้น เบส คอนซีลเลอร์ และไพรเมอร์ มีอายุประมาณ 6 เดือน – 1 ปี

Tip ช่วยยืดอายุการใช้งาน : ปิดฝาให้สนิทและเก็บในตู้เย็น รวมถึงใช้ฟองน้ำแทนการสัมผัสรองพื้นโดยตรง ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ได้

  1. มาสคารา อายไลเนอร์แบบน้ำ และอายไลเนอร์แบบเจล มีอายุประมาณ 3 เดือน

Tip ช่วยยืดอายุการใช้งาน : ไม่ควรปั๊มมาสคารา หรืออายไลเนอร์ เพราะลมจะเข้าไปในหลอด และเมื่อทาแล้วจะจับขนตาเป็นก้อน แต่ควรค่อยๆ หมุนขึ้น และปาดส่วนเกินที่ขอบผลิตภัณฑ์แทน จะช่วยรักษามาสคารา และอายไลเนอร์ได้ดีขึ้น

  1. เซรั่ม มอยเจอไรเซอร์ และโทนเนอร์ มีอายุประมาณ 1 ปี
  2. อายครีม มีอายุประมาณ 6 เดือน

Tip ช่วยยืดอายุการใช้งาน : เก็บอายครีมไว้ในที่มืด และมีอุณหภูมิไม่เกิน 35 องศาเซลเซียส ช่วยป้องกันการเสื่อมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/suzii13-7059995/

วิธีเช็ควันหมดอายุของเครื่องสำอาง & สกินแคร์

1. สัญลักษณ์ PAO (Period After Opening)

สัญลักษณ์รูปกระปุกเปิดฝา มีตัวเลขตามด้วยตัวอักษร M หมายถึงผลิตภัณฑ์จะมีอายุได้กี่เดือน เช่น 24M ก็แปลว่าผลิตภัณฑ์จะคงความสดใส หลังเปิดใช้ได้ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 2 ปีนั่นเอง

2. วันหมดอายุ (Expiration Dates)

ผลิตภัณฑ์จะสิ้นสุดอายุลง หรือเป็นวันสุดท้ายที่ผลิตภัณฑ์จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์มีวันหมดอายุพิมพ์บอกไว้ จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุภายใน 30 เดือน ถ้ามีอายุการใช้งานมากกว่า 30 เดือน มักจะไม่มีการพิมพ์บอกไว้บนบรรจุภัณฑ์

3. เว็บไซต์ checkcosmetic.net

ผลิตภัณฑ์บางตัวจะมีการระบุตัวเลขสำหรับตรวจเช็ควันหมดอายุไว้บนบรรจุภัณฑ์ สามารถนำตัวเลขนั้นไปเช็คได้ในเว็บไซต์ checkcosmetic.net จะทำให้รู้ว่าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์นั้นได้ถึงกี่เดือน

รู้อย่างนี้แล้วสาวๆ DooDiDo ขอบอกไว้ก่อนเรย สาวๆ คนไหนที่มักจะชอบซื้อเครื่องสำอางมาดองไว้แล้วไม่ยอมใช้เนี่ยล่ะ ก็โปรดระวังระวังการใช้อย่างดีด้วยนะคะ หรือจะกับสาวๆ บางคนที่ไม่ใส่ใจเท่าไหร่ที่ควรหรือจะเรียกอีกอย่างว่า “งก” นั้นล่ะก็เปลี่ยนความคิดใหม่ด่วนๆ เลยนะคะ เพราะเครื่องสำอางบางอย่างที่หมดอายุแล้วถึงแม้ว่าหน้าตาของมันจะไม่ได้เปลี่ยนสภาพแต่มันอาจจะเปลี่ยนสภาพผิวหน้าของคุณได้ค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.urbanclinic.in.th