อาการ การรักษา และการป้องกันมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พบได้มากในผู้หญิงที่มีอาการผิดปกติของมดลูก ในระยะเริ่มแรกจะยังไม่แสดงอาการจนกว่าระยะของมะเร็งเริ่มมีการขยายอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณท้องล่าง หรือรู้สึกมีก้อน สามารถรักษาได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การใช้ยาเคมี หรือการฉายแสง เพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด ปัจจุบันมีวัคซีนที่ช่วยในการป้องกันให้ผู้หญิงเราลดการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น ในบทความนี้ได้ให้ข้อมูลของมะเร็งปากมดลูก, อาการ, การรักษา, การป้องกัน และการเตรียมตัวตรวจหามะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก
รูปประกอบจาก istockphoto.com

มะเร็งปากมดลูก คืออะไร

มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในปากมดลูกหรือปากมดลูกท่อ (cervix) ซึ่งเป็นส่วนท้ายของมดลูก มักเกิดจากการติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ที่เป็นไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์และสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกประกอบไปด้วย

  • การติดเชื้อ HPV: ส่วนใหญ่ของการติดเชื้อ HPV จะหายไปเอง แต่ในบางกรณีมันอาจเป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง
  • ไม่ได้รับวัคซีน HPV: การได้รับวัคซีน HPV ที่เหมาะสมสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • สูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • การทำ PAP smear ไม่สม่ำเสมอ: การทำ PAP smear (การตรวจมะเร็งปากมดลูก) อย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยในการตรวจจับและรักษาได้ทันที

อาการเริ่มแรกของมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกมักไม่แสดงอาการเริ่มแรกที่มองเห็นได้ง่าย โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่รู้ว่าตนเองมีมะเร็งในระยะเริ่มต้น อาการที่แสดงอาจเกิดขึ้นเมื่อมะเร็งปากมดลูกเริ่มขยายขนาดหรือมีผลทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ มดลูกได้รับความกระทบ มีส่วนหนึ่งของผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการใดๆ จนกระทั่งถึงระยะที่มะเร็งขยายขนาดและกระทบต่อระบบนอนปัสสาวะหรือระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้มีบางรายงานที่ระบุว่ามะเร็งปากมดลูกอาจแสดงอาการต่อไปนี้

  • การหลุดของน้ำมดลูกที่ไม่ปกติ: การหลุดของน้ำมดลูกที่ไม่ปกติหรือมีเลือดออกมาก่อนหรือหลังจากประจำเดือน
  • ความเจ็บปวดในท้องล่าง: ความเจ็บปวดหรือความไม่สบายในบริเวณท้องล่าง
  • การมีเลือดหรือการออกมือปรอที่ไม่ปกติ: การมีเลือดหรือการออกมือปรอทที่ไม่ปกติหรือมีกลิ่นที่แตกต่าง
  • การมีเพศสัมพันธ์: การมีเลือดหรือมีความรู้สึกไม่สบายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์
  • ก้อนในช่องปากมดลูก: หลายครั้งมะเร็งปากมดลูกอาจทำให้เกิดก้อนหรือเปลือกในช่องปากมดลูก

การรักษามะเร็งปากมดลูก

การรักษามมะเร็งปากมดลูก จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค, ขนาดของมะเร็ง, สถานะของผู้ป่วย รูปแบบของการรักษามะเร็งปากมดลูกมีหลายแบบและอาจประกอบไปด้วย

  • การผ่าตัด: ในกรณีที่มะเร็งปากมดลูกมีขนาดเล็กและไม่ได้กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายมาก การผ่าตัดส่วนของมดลูกหรือการเอามดลูกออก อาจเป็นทางเลือก การผ่าตัดอาจจะทำให้ผู้หญิงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ต่อไป
  • รักษาด้วยรังสี: การให้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง มักใช้ในระหว่างและหลังการผ่าตัดเพื่อลดโอกาสที่มะเร็งจะกลับมา รังสีสามารถใช้เดี่ยวหรือร่วมกับการให้ยาเคมี
  • การรักษาด้วยยาเคมี: ใช้ยาที่มีประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็ง การให้ยาเคมีสามารถทำได้คนเดียวหรือร่วมกับการให้รังสี
  • การรักษาโดยใช้รังสีและยาเคมีร่วมกัน: การร่วมการรักษารังสีและยาเคมีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็ง
  • การให้วัคซีน HPV: วัคซีน HPV มีไว้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก การให้วัคซีนนี้เริ่มต้นตั้งแต่วัยเยาว์

การตัดสินใจเลือกตัวเลือกการรักษามะเร็งปากมดลูกที่เหมาะสมมักจะขึ้นอยู่กับสถานะของผู้ป่วย ระดับความรุนแรงของมะเร็งและปัจจัยที่อื่นๆ เช่น อายุ, สุขภาพรวม, ความพร้อมทางจิตใจ การปรึกษากับทีมแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อทำให้เลือกตัวเลือกการรักษาที่เหมาะสมและสามารถปรับให้เข้ากับสภาพสุขภาพและความต้องการของผู้ป่วยได้ดีที่สุด

การป้องกันมะเร็งปากมดลูก

การป้องกันมะเร็งปากมดลูกมีหลายวิธีที่สามารถทำได้ นำเสนอดังนี้

  • วัคซีน HPV: การฉีดวัคซีน HPV เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก วัคซีน HPV สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ชนิดที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก วัคซีนนี้แต่ละประเทศมีนโยบายการให้วัคซีน HPV และมักจะแนะนำให้ได้รับในวัยที่เหมาะสม โดยทั่วไปเริ่มตั้งแต่วัยที่ 9 ถึง 26 ปี
  • การตรวจ PAP smear: การตรวจ PAP smear เป็นการตรวจประจำปีที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาเซลล์ที่มีความผิดปกติหรือมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น การตรวจ PAP smear ช่วยในการจัดการอันตรายในระยะเริ่มต้นก่อนที่มะเร็งจะเกิดขึ้น
  • การลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV: การใช้ถุงยางอนามัยในทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัย
  • สุขภาพที่ดี: การรักษาสุขภาพที่ดีสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบุคคล: ลดการสูบบุหรี่และลดการบริโภคสุรา เนื่องจากการสูบบุหรี่และการดื่มสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเป็นมะเร็งปากมดลูก

การเตรียมตัวตรวจหามะเร็งปากมดลูก

การเตรียมตัวตรวจหามะเร็งปากมดลูก (PAP smear) เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้การตรวจมีประสิทธิภาพและได้ผลที่ถูกต้อง การทำ PAP smear เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการตรวจจับมะเร็งปากมดลูก หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือไม่แน่ใจเรื่องใดๆ ควรสนทนากับแพทย์หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ต่อไปนี้คือขั้นตอนการเตรียมตัวและทำ PAP smear

  • เลือกวันที่ไม่ได้มีประจำเดือน: การทำ PAP smear ที่วันที่ไม่ได้มีประจำเดือนจะช่วยให้ผลตรวจมีความถูกต้องมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์: การมีเพศสัมพันธ์หรือการใส่สารชีวเคมีในช่องช่องปากมดลูกอาจทำให้ผลตรวจไม่แม่นยำ
  • การล้างช่องปากมดลูก (vagina): การล้างช่องปากมดลูกด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำล้างช่องปากมดลูกเป็นขั้นตอนสำคัญ
  • การใส่ชุดที่เหมาะสม: ในระหว่างการตรวจควรสวมชุดที่มีให้
  • ตรวจสอบสภาพการรับประทานยา: บางยาอาจมีผลต่อการตรวจ PAP smear จึงควรปรึกษากับแพทย์ถึงยาที่ท่านกำลังใช้
  • หยุดใช้เจลหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ: หากใช้เจลหรือครีมในบริเวณช่องปากมดลูกควรหยุดใช้เจลหลังการตรวจจนกว่าแพทย์จะบอก
  • ท่านอน: ในขณะที่ทำ PAP smear ควรอยู่ในท่าที่สบายที่สุด มักจะเป็นท่านอนหลับหรือท่านอนข้าง

บทสรุป

การติดเชื้อ HPV ทำให้ผู้หญิงเราเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนและการตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำ หากมีอาการผิดปกติหรือตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกแพทย์จะให้ทางเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับอาการมากที่สุด

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : cancer.net/nhs.uk/cancer.ie

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com