วิตามินดี (Vitamin D) กับประโยชน์ที่ดีต่อทุกคนในปัจจุบัน

WM

ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีขึ้นเองได้หลังจากถูกแสงแดด

หากพูดถึง “วิตามินดี” (Vitamin D) ถือว่าเป็นหนึ่งวิตามินที่มีความสำคัญอันดับต้นๆต่อร่างกายและเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการ แต่น่าแปลกใจที่ หลายคนพึ่งรู้จักและเริ่มสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับวิตามินดีเมื่อไม่นานมานี้เอง อาจเพราะคิดว่าร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีขึ้นเองได้หลังจากถูกแสงแดด ซึ่งหากดูผิวเผินคนไทยคงจะไม่มีใครขาดวิตามินดีเป็นอย่างแน่นอน เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อนที่มีแดดแรงตลอดทั้งปี

แต่จากผลการสำรวจของโรงพยาบาลรามาธิบดีกลับพบว่าคนไทยถึง 42.5 % มีภาวะพร่องวิตามินดีหรือมีระดับวิตามินดีที่น้อยกว่าปกติ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงแสงแดด ทำงานอยู่แต่ในอาคารตลอดวัน รวมทั้งการใช้ครีมกันแดด หรือการสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดเมื่อต้องออกแดด ทำให้ร่างกายได้รับแสงแดดเพื่อสังเคราะห์เป็นวิตามินดีไม่เพียงพอ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคเรื้อรังต่างๆ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/silviarita-3142410/

วิตามินดี (Vitamin D) คืออะไร ?

วิตามินดี (Vitamin D) เป็นวิตามินที่ถูกสร้างขึ้นเองได้ในร่างกายผ่านการกระตุ้นจากรังสี UVB ในแสงแดด หรืออาจได้จากการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น น้ำมันตับปลา ไข่แดง นม เนย ตับสัตว์ ปลาที่มีไขมันมากบางชนิด เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน เป็นต้น  แต่ส่วนใหญ่วิตามินดีที่ร่างกายได้รับนั้น จะถูกสร้างผ่านการกระตุ้นจากแสงแดดเป็นหลัก

และเป็นที่ทราบกันว่าวิตามินดีมีหน้าที่หลักในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส เพื่อบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่ทราบหรือไม่ว่า นอกจากบำรุงกระดูกและฟันแล้ววิตามินดียังมีประโยชน์อีกมากมายที่ทุกคนอาจยังไม่เคยทราบมาก่อน ดังนี้

วิตามินดี (Vitamin D) มีประโยชน์อย่างไรในปัจจุบัน ?

1. บำรุงกระดูก ป้องกันกระดูกพรุนและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง

วิตามินดี (Vitamin D) มีหน้าที่หลักในการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้ รักษาสมดุลแคลเซียมในร่างกาย และลดการสลายแคลเซียมออกจากกระดูก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ถึง ร้อยละ 30 – 35 จากอาหารที่บริโภค ซึ่งหากร่างกายมีแคลเซียลไม่เพียงพอต่อความต้องการ มวลกระดูกจะสลายตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้นการรับประทานวิตามินดีปริมาณสูงเพื่อเพิ่มดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้ จึงช่วยป้องกันกระดูกจากโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) และลดความเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูกจากการเป็นโรคกระดูกพรุนได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/tumisu-148124/

 2 .เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญของ วิตามินดี (Vitamin D)  คือ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่เปรียบเสมือนป้อมปราการด่านแรกของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวตอบสนองต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดการแบ่งตัวของไวรัสและแบคทีเรีย และลดการสร้างสาร Cytokine ที่ก่อให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้มากขึ้น

นอกจากนี้การได้รับวิตามินดีปริมาณสูงในผู้ที่ติดเชื้อโควิด – 19 จะช่วยลดการอักเสบในปอด ช่วยให้การทำงานของปอดดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหายจากการติดเชื้อ

3.วิตามินดีควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย

อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่ง วิตามินดี (Vitamin D) มีประสิทธิภาพในการควบคุมการผลิตอินซูลินในตับอ่อน และช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดี อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของการต้านอินซูลิน จึงช่วยลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2

  1. วิตามินดีควบคุมความดันโลหิต

วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยควบคุมระบบฮอร์โมนเรนินแองจิโอเทนซิน  เพื่อช่วยในการควบคุมความดันโลหิตของร่างกายไม่ให้สูงจนผิดปกติ และในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หากมีระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจถึง 2 เท่า

  1. วิตามินดีช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน

วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดเกร็งและคลายตัวได้ตามปกติ จึงช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งมีข้อมูลการศึกษาพบว่าการได้รับวิตามินดี 3 วันละ 1,000-4,000 IU ต่อเนื่อง สามารถลดความถี่ในการเกิดไมเกรนได้ 45-100%

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/anemone123-2637160/
  1. วิตามินดีช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า

นอกจากประโยชน์ด้านร่างกายที่พูดกันไปแล้ว วิตามินดี (Vitamin D) ยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องสุขภาพจิต ช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) มากขึ้น ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกอารมณ์ดี ลดความเครียด และความวิตกกังวลจากภาวะของโรคซึมเศร้า (Depression)

  1. วิตามินดีควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย

วิตามินดี (Vitamin D) ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ที่ลำไส้ เต้านม และต่อมลูกหมาก ทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆเป็นไปตามปกติ

เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้คงทราบกันแล้วว่า วิตามินดีมีประโยชน์มากมายไม่เฉพาะแต่เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม แต่ยังสำคัญต่อระบบอื่นๆในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น DooDiDo แนะนำให้รับประทานวิตามินดีในปริมาณสูง 5,000 IU ต่อวัน เพื่อเพิ่มระดับวิตามินดีในกระแสเลือดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกา

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: www.megawecare.co.th