ลองมาดู “มัทฉะ”และ”กาแฟ” แก้วไหนดี มีประโยชน์กว่ากัน?
เมนู “มัทฉะ”และ”กาแฟ” เชื่อได้ว่าทั้งสองเมนูนี้ถือเป็นเมนูเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายๆ คน
ในปัจจุบันนี้ก็จะสังเกตุเห็นได้เลยว่าคาเฟ่ในบ้านเราก็มาเปิดเยอะเลยใช่มั้ยล่ะคะ มีทั้งที่ตกแต่งร้านสวยๆ ทั้งนั้นและที่สำคัญเมนูเครื่องดื่มต่างๆ ก็ยังมีมากมายให้เลือกซื้อกันด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในเมนูที่มีนั้นก็ต้องไม่พ้น เมนู มัทฉะ และ กาแฟ เลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งก็เชื่อได้ว่าทั้งสองเมนูนี้ก็เป็นเมนูเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายๆ คนด้วย ก็คือเรียกได้ว่าไม่ว่าจะแวะร้านไหน เข้าร้านไหนก็จะต้องเลือกดื่มในสองเครื่องดื่มนี้เสมอ แต่ทุกคนรู้มั้ยล่ะคะว่า ทั้งสองเมนูเครื่องดื่มนี้นั้นมีประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ทุกวันนี้บ้านเรามีร้านกาแฟเก๋ๆ เปิดใหม่ให้ตามไปเช็คอินกันแทบไม่ทัน ส่งผลให้หลายคนหันมาหลงใหลในวัฒนธรรมกาแฟที่มีกลิ่นหอมละมุน รสชาติกลมกล่อม และบรรยากาศสุดชิลล์ เป็นจุดขายของหลายร้าน หลายคนมักจะรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมากขึ้นหากได้ประชุมหรือทำงานในร้านกาแฟ เพราะนอกเหนือจากสุนทรีย์ทางอารมณ์ แล้วร่างกายยังได้รับ ‘คาเฟอีน’ ซึ่งเป็นสารเคมีธรรมชาติที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทและสารเสพติดในเวลาเดียวกัน จึงไม่แปลกหากคุณจะรู้สึกอยากดื่มกาแฟมากกว่า 2-3 แก้วต่อวัน
องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำปริมาณคาเฟอีนที่เหมาะสมต่อร่างกายต้องไม่เกิน 400 มิลลิกรัม/ วัน หรือเทียบเท่ากับแก้วขนาด 8 ออนซ์ (แก้วช็อต) ประมาณ 3 แก้ว โดยเอสเปรสโซหนึ่งช็อตมีปริมาณคาเฟอีน 212 มิลลิกรัม หากคุณสั่ง ‘มัคคิอาโต้’ จะได้รับปริมาณคาเฟอีนมากกว่าและทำให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น ยังไม่นับรวมอาหารที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มให้พลังงานที่มีคาเฟอีนสูง อาจส่งผลให้ร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนที่มากเกินไป
นอกจากนี้ FDA ยังรวบรวมสถิติของชาวอเมริกัน พบว่า 83% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันนิยมดื่มกาแฟมากกว่า 2 แก้วต่อวัน ส่วนใหญ่พวกเขามักจะติดสารคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ เพราะให้ความรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว และกระปรี้กระเปร่า แม้ลึก ๆ แล้วสมองของคนเราจะรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และโหยหาการพักผ่อน แต่คาเฟอีนจะกระตุ้นการทำงานของสมองให้เข้าสู่โหมดตื่นตัว ชีพจรเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้น และอัตราการหายใจเร็วขึ้น อย่างไรก็ดีการดื่มกาแฟที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ มากกว่าที่คิด
การดื่มกาแฟมากเกินไปอาจนำไปสู่:
- ภาวะร่างกายขาดน้ำ
- ความเบื่อหน่ายทางอารมณ์
- อ่อนเพลีย
- ปวดหัว
- วิตกกังวล
- ความเป็นกรดของร่างกาย
- ใจสั่น
- นอนไม่หลับ
ติดกาแฟมากไป อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
ยิ่งคุณดื่มกาแฟมากเท่าไหร่ ความทนทานต่อคาเฟอีนของร่างกายก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้คุณดื่มกาแฟมากขึ้นในแต่ละวัน หนึ่งในงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ลงใน American Journal of Psychiatry พบความเชื่อมโยงระหว่างอาการเจ็บป่วยทางจิตใจกับกลุ่มผู้ป่วยจิตเวช 80% และผู้มีอาการซึมเศร้าราว 22% มักจะติดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างมาก และดื่มมากกว่า 2-3 แก้ว/ วัน ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมากขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณสูงเกินไป นักวิจัยจึงไม่แนะนำให้คนที่มีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หรือควรดื่มให้น้อยลงจะดีกว่า
“มัทฉะ” VS “กาแฟ” แก้วต่อไปสั่งอะไรดี?
อย่างที่รู้กันดีว่า ร้านกาแฟส่วนใหญ่ไม่ได้มีแค่เมนูกาแฟให้เลือกดื่มเท่านั้น เพราะ ‘มัทฉะ’ ก็เป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมเช่นเดียวกัน จากเครื่องดื่มยอดนิยมของชนชั้นสูงของญี่ปุ่นในยุคเอโดะ สู่เครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลกในปัจจุบัน มัทฉะคุณภาพดีจะได้จากการนำใบชาเทนฉะมาบดให้ละเอียดจนหอมละมุน และเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ในพิธีชงชามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จวบจนปัจจุบันมัทฉะได้นำมามิกซ์เป็นเครื่องดื่มร้อนและเย็นให้เลือกอร่อยมากมาย
มัทฉะมีคาเฟอีนเช่นเดียวกับกาแฟ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่การปลดปล่อยคาเฟอีนของกาแฟเหมือนการนั่งรถไฟเหาะ คุณจะรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นแรง และกระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็วภายใน 1-3 ชั่วโมง จากนั้นร่างกายจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวในที่สุด (ขึ้นอยู่กับระบบเผาผลาญของแต่ละคน) ขณะที่การปลดปล่อยคาเฟอีนของมัทฉะจะให้พลังงานต่อเนื่องราว 4-6 ชั่วโมง เปรียบเสมือนการเดินเล่นริมหาดทรายที่ผ่อนคลายและสดชื่นรื่นรมย์กว่า
ดื่มกาแฟดำ 1 แก้ว ร่างกายได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง?
- คาเฟอีน (Caffeine) สารเคมีธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นยากระตุ้นระบบประสาท ทำให้รู้สึกตื่นเต้น ร่างกายปรับสภาพเข้าสู่โหมดตื่นตัว ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดสูงขึ้น และอัตราการหายใจเร็วขึ้น ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นสารเสพติด หากวันไหนไม่ได้ดื่มกาแฟคุณจะรู้สึกหงุดหงิด ปวดหัว กระสับกระส่าย ซึมเศร้า คลื่นไส้ ง่วงซึม และไม่อยากทำงาน (อาการจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- ไนอะซิน (Niacin) เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้ มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) หนึ่งใน 8 ชนิดของวิตามินบีที่มีความจำเป็นต่อร่างกายและละลายน้ำได้ จึงขับออกมาทางปัสสาวะ มีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา ทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผมอีกด้วย
- แร่ธาตุต่างๆ เช่น โซเดียม (ต่ำ), โพแทสเซียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม และแมงกานีส
ดื่มมัทฉะ 1 แก้ว ร่างกายได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างไรบ้าง?
- คาเทชิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดดี และลดโอกาสในการเกิดมะเร็ง
- แอล-ธีอะนีน ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และกระตุ้นการปลดปล่อยฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกดี เช่น เอนดอร์ฟิน, ออกซิโทซิน, โดปามีน และเซโรโทนิน ช่วยให้คุณมีความสุขและลดความเครียด
- เส้นใยอาหารสูง เนื่องจากมัทฉะทำจากใบชาบดละเอียด ทำให้ร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์ตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง บรรเทาอาการภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อากาศ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ทั้งยังมีไฟเบอร์สูงช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันด้วยการเพิ่ม Thermogenesis ถึง 40% ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ของร่างกายให้ดีขึ้น
- วิตามินจำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามิน A, B1, B2, B6, C, E และ K
- แร่ธาตุต่างๆ เช่น โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, แคลเซียม, สังกะสี, ฟอสฟอรัส และเหล็ก
ถึงแม้ว่าทั้งสองอย่างนี้จะมีคาเฟอีนเหมือนกันแต่ก็ยังมีความแตกต่างมากมายอย่างเห็นได้ชัดจากบทความที่เรา DooDiDo นำมาฝากในวันนี้ล่ะค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องดื่มทั้งสองนี้นั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติที่ดี ถูกปากใครหลายๆ คน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังด้วยก็คงเป็นในเรื่องของปริมาณในการดื่มนี่ล่ะค่ะ ทุกคนควรดื่มกาแฟไม่เกิดวันละ 2 แก้ว แต่อย่างไรแล้วถ้าหากทุกคนต้องการที่จะสดชื่น ตื่นตัวแล้วล่ะก็ มัทฉะนั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับทั้งนักเรียน คนทำงานและคนที่ออกกำลังกายด้วย
ขอบคุณแหล่งที่มา: www.naturalandorganic.com