รู้หรือไม่ว่า? สาเหตุที่บางคนดื่มกาแฟแล้วถึงง่วงนอน

WM

คนไหนที่เอนไซม์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกำจัดคาเฟอีนก็จะดีตามไปด้วย จึงทำให้เกิดอาการง่วง

อย่างไรแล้วกาแฟก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่หลายๆ คนเลือกดื่มในตอนเช้า เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตในทั้งวันอย่างมีเอเนอจีที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่กาแฟนี้นั้นเป็นเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มเอเนอจี้แล้ว เมื่อที่ต้องปั่นงานจนดึกจนดื่นหลายคนก็เลือกดื่มกาแฟเพื่อที่จะได้มีแรงปั่นงานกัน แต่ทุกคนเคยเป็นมั้ยล่ะคะว่า ในตอนที่เราดื่มกาแฟไปแล้วนั้นผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามเลย เพราะแทนที่เราจะดื่มเพื่อเพิ่มเอเนอจีให้ตัวเองแต่กลับกลายเป็นว่าง่วงหนักกว่าเดิมซะงั้น แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันล่ะ??

อาหารยามเช้าในหลายๆ บ้านมีเมนูที่หลากหลายทั้งอาหารไทยหรืออาหารต่างชาติ แต่สิ่งหนึ่งที่แทบทุกบ้านจะต้องมีนั้นคือ กาแฟ เครื่องดื่มยอดนิยมที่ทุกวันนี้ไม่ใช่เป็นแค่เพียงอาหารเช้าเท่านั้น แต่กลับเป็นเครื่องดื่มที่สามารถดื่มทั้งวันสำหรับใครหลายๆ คน ทำให้เกิดคำถามที่หลากหลายตามมา เช่น ทำไมบางคนดื่มเพียงเล็กน้อยไม่ว่าจะเป็นกาแฟหรือชา สามารถทำให้นอนไม่หลับได้ หรือทำไมบางคนดื่มเท่าไหร่ทำไมยังรู้สึกง่วงนอน แล้วในแต่ละวันดื่มเท่าไหร่จึงจะเรียกว่า พอดี

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@itfeelslikefilm

ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ อาจารย์จากวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และวิทยากรรายการโรงหมอ ทางไทยพีบีเอสพอดคาสต์ ได้ให้ข้อมูลว่า สารออกฤทธิ์สำคัญในกาแฟคือ คาเฟอีน เมื่อร่างกายได้รับคาเฟอีน ร่างกายของแต่ละคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแตกต่างกันออกไป เช่น บางคนดื่มกาแฟหรือจิบชาเพียงนิดเดียว ทำให้เกิดอาการตาค้าง นอนไม่หลับ เพราะในร่างกายของคนเราจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งในสามารถสลายคาเฟอีนได้ นั้นคือ ไซโตโครมพีโฟร์ฟิฟตี้ (Cytochrome P450) ซึ่งเป็นตัวช่วยดีท็อกซ์ (Detox) หรือกำจัดสารพิษ สารแปลกปลอมและสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกาย

คนไหนที่เอนไซม์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดี การกำจัดคาเฟอีนก็จะดีตามไปด้วย จึงทำให้เกิดอาการง่วง แม้จะดื่มกาแฟไปแล้ว ส่วนคนที่เอนไซม์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพจะทำให้เอนไซม์กำจัดคาเฟอีนที่อยู่ในเลือดลดลง ส่งผลให้แม้ดื่มเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ตาค้างหรือนอนไม่หลับได้ สมาคมพิษวิทยา (Toxicology) แนะนำว่า ร่างกายของคนเราไม่ควรได้รับคาเฟอีนเกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน หากเทียบเป็นกาแฟ ควรดื่ม 2 – 3 ถ้วยเล็กต่อวัน หรือ 1 แก้วใหญ่ต่อวัน เท่านั้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@picturemechaniq

รู้หรือไม่

  • กาแฟที่ดีต่อร่างกายคือ กาแฟดำ
  • กาแฟมีสารคลอโรจินิก แอซิด (Chlorogenic acid) สารนี้สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งในกาแฟดำจะได้ผลดี
  • การดื่มกาแฟดำสามารถลดความเสี่ยงโรคเบาหวานและสมองเสื่อมได้
  • การดื่มกาแฟร่วมกับน้ำส้มคั้นหรือน้ำมะนาวสด จะช่วยลดความเป็นกรดของกาแฟได้ ซึ่งกรดที่อยู่ในกาแฟ ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนและกระดูกบาง
  • คนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน ไม่ควรดื่มกาแฟ
  • ไม่ควรดื่มกาแฟในขณะที่ท้องว่าง เพราะกาแฟจะไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการอักเสบของกระเพาะอาหาร, ลำไส้ และเป็นกรดไหลย้อนได้
  • การดื่มกาแฟ จะทำให้ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากคาเฟอีนเป็นตัวขับน้ำและแคลเซียมในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ, ปากแห้ง และผิวแห้งได้
WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com/th-th/@ifreestock
  • การดื่มกาแฟมีความเสี่ยงต่อการเป็นความดันโลหิตสูง สำหรับผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง ให้ดื่มในปริมาณที่พอดี
  • สารแทนนิน (Tannin) ที่อยู่ในกาแฟ มีฤทธิ์ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมจากอาหาร ดังนั้นเวลาที่ไม่ควรดื่มกาแฟคือ ก่อน, ระหว่างและหลังการรับประทานอาหาร ควรดื่มในระหว่างมื้อจึงจะดีที่สุด
  • สารคาเฟอีนในกาแฟ สามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยจึงจะสามารถลดไขมันได้อย่างเห็นผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เป็นอย่างไรบ้างล่ะคะ DooDiDo คิดว่าก็เรียกว่าเคลียความข้องใจสำหรับใครหลายๆ คนไปแล้วล่ะค่ะว่าทำไม เราถึงมักจะทานกาแฟแล้วง่วงแทนที่จะตื่นนั่นเอง ถ้าหากว่าใครที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าถ้าหากดื่มกาแฟแล้วจะง่วงนั้น ยังไงก็ต้องหลีกเลี่ยงที่จะดื่มเพื่อจะปั่นงานดึกๆ ล่ะค่ะ อาจจะลองเปลี่ยนวิธีไปทำอย่างอื่นแทนการดื่มกาแฟก็อาจจะได้ผลดียิ่งกว่า แล้วที่สำคัญกาแฟนั้นถ้าอยากให้ให้ออกฤทธิ์ได้ดี ก็ต้องดื่มหลังจากดื่นนอน ถึงจะเพิ่มเอเนอจี้ แต่ถ้าหากเดิมตอนกลางคืนหรือตอนที่ง่วงอยู่แล้วนั้นก็อาจจะส่งผลให้อยากนอนหลับมากกว่าเดิมค่ะ หรือก็คือหากจะดื่มกาแฟเพื่ออะไรก็ต้องคิดก่อนดื่มก็แล้วกันค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.thaipbspodcast.com