ปรับโครงสร้างหนี้ ที่เหมาะกับเรา

ปรับโครงสร้างหนี้ 1

การ ปรับโครงสร้างหนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้เพื่อให้เรายังสามารถชำระหนี้ได้โดยไม่ผิดนัดชำระหนี้ การผิดนัดชำระหนี้อาจทำให้ลูกหนี้ถูกเรียกดอกเบี้ยผิดนัดและมีประวัติการชำระหนี้ในอดีตในข้อมูลเครดิตบูโร เช่น ลดการผ่อนชำระโดยขยายเวลาชำระหนี้ หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างหนี้แต่ละวิธีมีผลกระทบต่อประวัติเครดิตของคุณกับบริษัทข้อมูลเครดิตที่แตกต่างกัน ดังนั้นโปรดสอบถามสถาบันการเงินในเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจ การปรับโครงสร้างหนี้แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินที่แตกต่างกัน ถ้าอยากรู้ว่าเราเหมาะกับการปรับโครงสร้างหนี้แบบไหน ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราจะยังใช้หนี้ได้เท่าไหร่ มี 2 สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือจำนวนเงินและระยะเวลา

ปรับโครงสร้างหนี้ ที่ยังจ่ายได้แต่อยากลดภาระดอกเบี้ย

หากรายได้ของเราไม่เปลี่ยนแปลงหรือลดลงเล็กน้อย ประเภทที่ยังปลดหนี้ได้แต่อยากเก็บดอกเบี้ยไว้ใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น เราอาจขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ดังนี้

  • เปลี่ยนประเภทหนี้ จากหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เช่น หนี้บัตรเครดิต หากไม่ชำระเต็มจำนวนและตรงเวลาจะมีการคิดดอกเบี้ย 16% ต่อปี คุณสามารถขอเปลี่ยนเป็นเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดชำระคืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
  • รีไฟแนนซ์ คือ การเปลี่ยนเจ้าหนี้ คือปิดหนี้จากเจ้าหนี้เดิมแล้วย้ายไปขอสินเชื่อกับเจ้าหนี้รายใหม่ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า คนส่วนใหญ่มักจะรีไฟแนนซ์ด้วยหนี้บ้าน แต่จริงๆ แล้วเราสามารถรีไฟแนนซ์ด้วยหนี้อื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรเงินสด

ปรับโครงสร้างหนี้ 2

ปรับโครงสร้างหนี้ ที่สามารถจ่ายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

หากรายได้ของเราลดลงจนไม่สามารถชำระหนี้ได้เต็มจำนวนที่เรียกเก็บหรือไม่สามารถชำระได้ตามสัญญา หรือเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้นที่กระทบต่อรายได้โดยรวมของครอบครัว เช่น คนในครอบครัวตกงาน จากที่เคยช่วยกันหาเงินเข้าบ้านก็เหลือเราคนเดียว ทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เราอาจขอปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะกับรายได้ที่ลดลงแต่ละประเภท ดังนี้

  • ลดอัตราดอกเบี้ย เป็นการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหนี้ที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยลดหนี้บางส่วนที่ต้องจ่าย แต่สถาบันการเงินส่วนใหญ่มักจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ลูกหนี้มีเวลาปรับตัวในช่วงที่รายได้ลดลงกะทันหัน เช่น 3 เดือนหรือ 6 เดือน
  • การระงับการชำระคืนเงินต้น ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่าการผ่อนชำระเงินกู้แต่ละงวดประกอบด้วยเงินต้นและดอกเบี้ย ดังนั้น การระงับการชำระคืนเงินต้น ก็หมายความว่า เราไม่ต้องจ่ายเงินต้นแต่เรายังต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งสถาบันการเงินส่วนใหญ่มักระงับการชำระคืนเงินต้นประมาณ 3 – 6 เดือน วิธีการนี้จึงเหมาะกับผู้ที่รายได้ลดลงเพียงช่วงสั้นๆ และจะสามารถกลับมาชำระหนี้ได้เหมือนเดิม
  • ขยายเวลาการชำระหนี้ เพิ่มระยะเวลาในการชำระหนี้ จะทำให้เราเป็นหนี้ได้นานขึ้น แต่ยอดผ่อนต่อเดือนจะลดลง เราสามารถขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 1 ปีได้ เช่น บางคนขอเพิ่มอีก 5 ปี

มีเงินก้อนแต่ไม่พอใช้หนี้หมด

สำหรับคนเป็นหนี้เสียเรื้อรัง แต่มีเงินก้อน เช่น จากการขายทรัพย์สิน หรือเงินชดเชยจากการออกจากงาน อยากปิดหนี้ แต่เงินที่มีไม่พอใช้หนี้หมด คุณสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้โดยปิดด้วยเงินก้อนที่น้อยกว่าหนี้ทั้งหมด ปิดด้วยเงินก้อน หรือที่หลายๆ คนเรียกกันว่าการตัดผมเป็นการปรับโครงสร้างหนี้โดยขอส่วนลดจากเจ้าหนี้แล้วจ่ายเงินทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีทันที เช่นมีหนี้ค้างชำระ 120,000 บาท ขอลดเหลือ 100,000 บาท แล้วปิดบัญชีทันที ถ้าเราตกลงกันได้แบบนี้ก็จะทำให้เราหมดหนี้

ฉันไม่สามารถจ่ายได้

สำหรับคนที่ไม่มีเงินใช้หนี้หรือคนที่ต้องออกจากงานกะทันหัน เงินที่คุณมี อาจไม่พอใช้หนี้ ดังนั้นท่านอาจขอปรับโครงสร้างหนี้โดยระงับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับปัญหาทางการเงินที่คุณกำลังเผชิญอยู่หรือค้นหาอาชีพใหม่ แล้วค่อยกลับมาชำระหนี้เหมือนเดิม การระงับการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย คือการระงับการชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น 3 เดือน หรือ 6 เดือน เมื่อถึงกำหนดพักชำระหนี้ ต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยในช่วงพัก ซึ่งอาจขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปได้ ค่าเฉลี่ยการผ่อนชำระคงเหลือหรือชำระคืนเงินต้นของที่พักทั้งหมดพร้อมกันในงวดสุดท้าย ซึ่งเราควรเจรจากับเจ้าหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของเรา

บทสรุป

เราจะเห็นได้ว่าการปรับโครงสร้างหนี้แต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินที่แตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปรับโครงสร้างหนี้คือเราต้องประเมินสถานการณ์ของเราก่อน เช่น รายได้เราลดลงเท่าไร หรือว่าเราสูญเสียรายได้หรือไม่ และรายได้ของเราจะลดลงหรือหายไปนานเท่าใด แล้วพิจารณาความคุ้มค่าของแต่ละทางเลือก ตัวเลือกบางอย่างอาจดูคุ้มค่า เช่น การจ่ายดอกเบี้ยโดยรวมน้อยลง แต่การผ่อนชำระรายเดือนอาจทำให้เรามีเงินไม่เพียงพอจนต้องกู้เงินมาจ่ายอีกครั้ง


ขอบคุณบทความอ้างอิงจาก

https://www.bot.or.th/th/satang-story/managing-debt/my-debt-restructuring.html

ขอบคุณรูปภาพจาก

https://www.freepik.com/author/rawpixel-com

https://www.freepik.com/author/katemangostar

ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://doodido.com/