ทำความรู้จัก “ชาขาว” ที่มาพร้อมกับประโยชน์ต่อสุขภาพ

WM

ชาขาว ช่วยบำรุงผิวพรรณ และกระตุ้นให้ต่อมน้ำเหลืองขจัดสารพิษจากผิว

ชา เครื่องดื่มจากธรรมชาติที่ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย จะดื่มแบบอุ่น ๆ หรือจะดื่มแบบเย็น ๆ ก็ดีต่อใจอย่างมากสำหรับคนรักชา และชานั้นก็มีหลายประเภทให้เราเลือก วันนี้เราขอนำเสนอ ชาขาว เป็นชาที่ได้จากยอดตูมของต้นชา มีลักษณะเป็นยอดอ่อน มีขนสีขาวบาง ๆ เมื่อผ่านการเก็บมาแล้วจะต้องทำให้แห้งด้วยวิธีการผึ่งแดด มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่เข้มมาก  เหมาะสำหรับคนที่เริ่มดื่มชา เพราะดื่มง่าย และมีปริมาณมีคาเฟอีนที่น้อยมาก

ชาขาว (จีน: 白茶) เป็นชาชนิดหนึ่ง ผลิตจากตูมและยอดอ่อนของต้นชา แหล่งเพาะปลูกชาขาวที่มีชื่อเสียงอยู่ที่มณฑลฝูเจี้ยน ทางตอนใต้ของประเทศจีน กรรมวิธีผลิตชาขาวเริ่มจากการเลือกเก็บยอดอ่อนชาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นนำยอดชาที่เก็บได้มาผ่านกระบวนการทำแห้งในระยะเวลาที่รวดเร็วด้วยวิธีธรรมชาติโดยอาศัย ลม แสงแดด หรือความร้อน ทำให้ปริมาณสารต่อต้านอนุมูลอิสระและคุณค่าทางโภชนาการของชาขาวยังคงไว้ได้มาก รวมทั้งกลิ่นและรสชาติของชาขาวที่ยังคงความสดชื่นและนุ่มนวล ชาขาวจึงเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/jcomp

กรรมวิธีการผลิต
“ชาขาว” เป็นพืชตามฤดูกาลโดยสามารถเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ การเก็บใบชาเพื่อนำมาทำชาขาวนั้นจะคัดเลือกเฉพาะยอดอ่อนที่มีความสมบูรณ์ เต็มที่ในฤดูใบไม้ผลิ ตูมชาที่มีรูปลักษณ์เหมือนเข็มและมีขนสีขาวประกายเงินปกคลุมอยู่ รวมไปถึงยอดอ่อน 2 ยอดแรกของต้นชาจะถูกเก็บ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ชาขาว ” หลังจากนั้นตูมชาที่ถูกเก็บมาจะถูกทำให้แห้งโดยวิธีธรรมชาติ ด้วยการตากแดดหรือผึ่งให้แห้งสนิท เมื่อชงชาขาวกับน้ำร้อนจะให้สีเหลืองอ่อน รสชาติหวาน นุ่มนวล กลมกล่อมและมีกลิ่นหอมเฉพาะ ชาขาวจึงกลายเป็นของที่หายากและมีราคาแพง ซึ่งการผลิตสามารถทำได้ในทุกช่วงยกเว้นฤดูหนาว อย่างไรก็ดีชาขาวที่ผลิตในฤดูใบไม้ผลิเป็นชาขาวที่มีคุณภาพดีที่สุด ถัดมาเป็นชาขาวที่ผลิตในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูร้อนเป็นลำดับสุดท้าย ชาส่วนใหญ่ในโลกนี้มาจากต้นชาตระกูลเดียวกัน คือ สกุล Camellia แต่ต่างกันในขั้นตอน กรรมวิธีการผลิต และอายุของใบชา

ประโยชน์มากมายของชาขาว..ต่อสุขภาพ
ชาขาวถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งชาขาวถือว่ามีประโยชน์มาทางด้านนี้ เพราะมีสารโพลีฟีอลประเภท EGCG สูงทำให้มีประโยชน์มากกว่าชาชนิดอื่น อีกทั้งชาขาวยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านโรคเรื้อรัง การต้านสารก่อมะเร็ง (anticarcinogenicity) การต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant activity) และการยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ (antimicrobial activity) ชาขาวกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป

1.ด้านโรคเบาหวาน
การศึกษาในหนูทดลองพบว่า สารโพลีฟีนอลสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวาน โดยยับยั้งการทำงานของอะไมเลสซึ่งเป็นเอนไซม์ย่อยแป้งให้เปลี่ยนเป็นน้ำตาล โดยยับยั้งการทำงานของอะไมเลสทั้งในน้ำลายและลำไส้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้น คือ แป้งจะถูกย่อยช้าลง ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างช้าๆ ซึ่งสัมพันธ์กับอัตราการดูดซึมกลูโคส มีผลทำให้การทำงานของ glucose transporter ในลำไส้ลดลงและอัตราการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่ร่างกาย ลดลงด้วยนอกจากนี้สารโพลีฟีนอล ประเภท EGCG ยังช่วยเพิ่มความไวต่อสิ่งกระตุ้นของอินซูลิน (insulin sensitivity) และ สารที่มีหน้าที่คล้ายอินซูลิน (insulin-like activity) รวมทั้งเพิ่มการป้องกันการทำงานของตับและตับอ่อนซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่ เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเบาหวาน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@navisky

2.ด้านต่อต้านมะเร็งลำใส้
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยออริกอนสเตท (Oregon State University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ชาขาวมีประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยงานวิจัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ชาขาวมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการใช้ยาซูลินแด เพื่อยับยั้งและป้องการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ของสัตว์ทดลอง ที่มีปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็ง นอกจากนี้สารในชาขาวยังช่วยให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดคลอเรสเตอรอลชนิด LDL หรือไขมันเลว และเพิ่มปริมาณคลอเรสเตอรอล HDL หรือไขมันดี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไขมันอุดตันหลอดเลือด

3.ด้านโรคหัวใจ
ข้อมูลการศึกษาจาก Internal Medicine and Public Health ประเทศอิตาลี พบว่า การทดลองให้สัตว์ทดลองบริโภคสารฟลาโวนอยด์เป็นประจำสามารถชะลอการเกิดการสะสมไขมันที่หลอดเลือดแดงได้ ซึ่งสัมพันธ์กับข้อมูลการบริโภคชากับการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ สารฟลาโวนอยด์ในชาสามารถลดการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุ สำคัญในการเกิดโรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็งได้ โดยเฉพาะสาร EGCG ในชา สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ การเพิ่มของไนตริกออกไซด์ในปฏิกิริยา superoxide production (ROS) และช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง โดยไปยับยั้ง angiotensis-I converting enzyme (ACE) นอกจากนี้ยังพบว่าสารโพลีฟีนอลในชา สามารถช่วยลดการเกิดออกซิเดชั่นของ LDL และช่วยลดการดูดซึมคลอเลสเตอรอลเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง ทำให้ปริมาณ LDL, very low-density lipoprotein (VLDL) และไตรกลีเซอไรด์ลดลง รวมทั้งสามรถเพิ่มปริมาณ HDL ในกระแสเลือด ซึ่งการมีปริมาณที่ไตรกลีเซอไรด์ต่ำและ HDL สูงนี้สะท้อนถึงสุขภาพของระบบหัวใจที่ดี

4.ด้านเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ตูมชาขาว มีสารโพลีฟีนอลอยู่มากที่เป็นสิ่งทรงพลัง ช่วยพัฒนากระบวนการล้างสารพิษและสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย จึงช่วยป้องกันเซลล์ของร่างกายจาก การเสื่อมสภาพและถูกทำลายก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติและปรับสภาพอนุมูลอิสระ ให้เป็นกลาง จากข้อมูลในวารสารวิทยาภูมิคุ้มกันทางการแพทย์และโรคภูมิแพ้ ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ระบุว่าสารคาเทชินในชาขาว โดยเฉพาะ EGCG มีสรรพคุณป้องการติดเชื้อเอชไอวีผลจากการทดลองแสดงให้เห็นว่า ชาขาวเข้มข้นช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอทีจับตัวกับเซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิดที่มีความสำคัญต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายที่เรียกว่า “ ทีเซลล์ ” (T Cells) ซึ่งเป็นด่านแรกที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@wx1993

5.ด้านชะลอความแก่
ชาขาวมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงมากและยังสามารถช่วยชะลอความแก่ เซลล์ผิวหนังจะถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระภายใต้ภาวะกดดันในการเกิดปฏิกิริยาออก ซิเดชั่น (Oxidative stress) ทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้มลภาวะและแสงแดดแดด จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยคิงสตัน (Kingston University) ประเทศอังกฤษ ในการใช้สารสกัดจากชาขาวต่อการปกป้องโครงสร้างโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนใน ชั้นผิวหนัง พบว่าสารที่สกัดจากชาขาวสามารถปกป้องการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายอีลาสตินและ คอลลาเจน ซึ่งจะทำให้เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นทำให้เกิดผลดีต่อโครงสร้างของผิวหนัง คือ เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนัง ช่วยในด้านความยืดหยุ่นของผิวหนังให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น รวมทั้งส่งผลต่อการทำงานของปอด เส้นเลือด เส้นเอ็นต่าง ๆ และ

ต้องบอกเลยว่าชาขาวเป็นหนึ่งในชาที่หายากและมีคาเฟอีนน้อยมาก DooDiDo เป็นยอดชาที่มีสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) สูงกว่าชาชนิดอื่น ๆ ค่ะ แถมยังเป็นชาที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงสุดในบรรดาชาทุกประเภทเลยนะคะ นอกจากจะช่วยะลอวัยไม่ดูอ่อนเยาว์ ยังช่วยให้สุขภาพช่องปากแข็งแรงอีกด้วยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา :www.whitenature.co.th