ต้องลอง!! 6 วิธีลดอาการปวดหลังด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

อาการปวดหลัง หากปล่อยไว้จนมีอาการที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ อาจเกิดเป็นโรคที่ร้ายแรงได้

สำหรับใครที่ต้องเป็นผู้ที่ยืนนาน ๆ หรือนั่งนาน ๆ สิ่งที่ตามมาก็คือ อาการปวดหลัง นั่นเอง อาการปวดหลังไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่อายุ 30 อัพเท่านั้นนะคะ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุเลยค่ะ หากเราไม่ได้แก้ปัญหาของการปวดหลังอย่างถูกวิธี หากปล่อยไว้จนมีอาการที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นโรคที่ร้ายแรงได้ค่ะ และวันนี้เรามีเคล็ดลับวิธีในการจัดการกับอาการปวดหลังมาฝากค่ะ

อาการปวดหลังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการนั่งทำงานนาน ๆ นั่งผิดท่า การยกของหนัก รวมถึงการยืนเป็นเวลานาน อาการปวดหลังส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นมากกับคนในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ทุกวันนี้กลุ่มคนอายุ 20 ต้น ๆ ที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ หรือแม้แต่เด็กที่เรียนออนไลน์กันในขณะนี้ ก็มีปัญหาอาการปวดหลังได้เช่นเดียวกัน แม้จะอาการปวดหลังจะหายได้เอง แต่ต้องยอมรับว่าเวลาที่ปวดนั้นค่อนข้างทรมาณ และหลายครั้งก็ปวดจนทำให้เสียสมาธิ วันนี้เลยมาแชร์วิธีแก้ปวดหลังที่เพื่อน ๆ สามารถทำเองได้ที่บ้าน รับรองว่าจะช่วยให้อาการปวดหลังบรรเทาลงได้แน่นอน ไปดูกันเลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@maddibazzocco

1.ปรับท่านอนใหม่
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนปวดหลังมาจากการนอนไม่ถูกท่า ถ้าใครมีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ในตอนเช้าหลังตื่นนอนก็ขอแนะนำให้รีบปรับท่านอนด่วนๆ ก่อนจะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง โดยท่านอนที่ช่วยให้หายปวดหลังได้ มีดังนี้
– นอนหนุนหมอนตะแคงด้านขวา แล้วเอาหมอนอีกใบมารองตรงช่องว่างระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง
– นอนหงายแล้วหนุนหมอนเอาไว้ใต้เข่า
ท่านอนทั้ง 2 นี้ จะช่วยให้กระดูกสันหลังไม่คดงอ และช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยลดและป้องกันอาการปวดหลังหลังตื่นนอนได้ดี

2.ประคบร้อน หรือประคบเย็น
มาต่อกันที่วิธีง่าย ๆ อย่างการประคบเย็น และประคบร้อน ใครที่เพิ่งเริ่มมีอาการปวดหลัง ให้นำน้ำแข็งห่อในผ้าขาวบาง หรือผ้าขนหนู วางประคบเอาไว้บริเวณที่ปวดประมาณ 20 นาที ความเย็นจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ และคลายอาการปวดลงได้ ส่วนใครที่ปวดหลังเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มานาน แนะนำให้ใช้แผ่นแปะแบบร้อน แปะเอาไว้บริเวณที่ปวด หรืออาบน้ำอุ่นๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ขยายหลอดเลือดให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น วิธีนี้นอกจากช่วยให้หายปวดหลังแล้ว ยังช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นอีกด้วย

3.ทำท่าโยคะ และท่าบริหารยืดกล้ามเนื้อ
สำหรับชาวออฟฟิศที่วันๆ นั่งอยู่แต่หน้าคอมเป็นเวลาหลายชั่วโมง กล้ามเนื้อตึงเกร็งจนปวดไปทั้งหลัง  แนะนำให้ทำท่ากายบริหาร หรือท่าโยคะง่ายๆ ทุกวัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ ลดอาการตึงเกร็ง และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น สำหรับท่าโยคะ และท่ากายบริหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลยที่

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/happyveganfit-13986952/

4.ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ
นอกจากทำท่ากายบริหารหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อแล้ว แนะนำให้ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หรือจะเล่นเวทเทรนนิ่งก็ได้ เพราะการออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และเพิ่มความทนทานให้กับร่างกาย ใครที่ออกกำลังกายแบบใช้กล้ามเนื้อเป็นประจำ จะเห็นความแตกต่างเลยว่า อาการปวดหลังนั้นบรรเทาลงได้จริง โดยเฉพาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก แนะนำให้ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักตัวลง จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังไม่ต้องทำงานหนัก หายตึง หายเกร็ง ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดหลังลงได้

5.นวดหลัง และเอว
อะไรจะช่วยคลายปวดได้ดีไปกว่าการนวด ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องออกไปจ่ายเงินนวดก็สามารถนวดหลังบรรเทาอาการปวดด้วยตัวเองได้ วิธีการ คือ นั่งขัดสมาธิหลังตรง กำมือทั้งสองข้างไปวางไว้ที่บริเวณเอว ออกแรงกดคลึงบั้นเอว จากนั้นใช้กำปั้นทุบหรือคลึงเบาๆ ไปที่บริเวณไหล่ หรือบริเวณที่มีอาการปวด ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง อาจใช้ยาหม่องทาพร้อมนวดไปด้วย จะช่วยคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/drobotdean

6.ปรับท่านั่งทำงานให้ถูกต้อง
นอกจากการนอนผิดท่าจะทำให้ปวดหลัง การนั่งผิดท่าก็ทำให้ปวดหลัง จนอาจลุกลามกลายเป็น Office Syndrome หรือปวดหลังเรื้อรังได้เลย 4 ท่านั่งที่ไม่ควรนั่ง ก็คือ 1. ท่านั่งไขว่ห้าง 2. นั่งขัดสมาธิ 3. นั่งหลังงอ และ 4. นั่งไม่เต็มก้น ส่วนท่านั่งที่ถูกต้องนั้น คือการนั่งหลังตรง ก้นเต็มเก้าอี้ คอตั้งตรง และเท้าวางติดขนานกับพื้น

หากเราไม่อยากเป็นผู้ถูกเลือกให้ปวดหลังก็ต้องดูแลตัวเองด้วยวิธีที่ DooDiDo นำมาฝากกันในวันนี้นะคะ พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้บ่อยขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจะช่วยฟื้นฟูอาการปวดกระดูกสันหลังได้ แนะนำให้นั่งตัวตรง ไม่นั่งงอ หรือนั่งหลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้มีอาการปวดเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.ofm.co.th