ชวนทำ “น้ำลิ้นจี่” หอมอร่อย ทำเองได้ง่ายๆ

ลิ้นจี่ อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา

อีกหนึ่งผลไม้ที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ลิ้นจี่ นั่นเองค่ะ เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวทานแล้วชื่นใจอย่างมาก นอกจากความอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย อุดมไปด้วย กลูโคสสูง ซูโคส โปรตีน ไขมัน วิตามิน เอ,บี,ซี รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุต่างๆ และวันนี้เราจะพามาดูสูตรการทำ น้ำลิ้นจี่ แสนอร่อย ดื่มแล้วชื่นใจ แถมขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยากอีกด้วย ว่าแล้วก็มาดูกันเลยค่ะ

ลิ้นจี่ ผลไม้ประจำฤดูกาลนี้อีกชนิดนึงที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ด้วยรสชาติที่หวานหอม อร่อย ชื่นใจเหมาะกับอากาศร้อนๆ ในช่วงนี้เป็นยิ่งนักในลิ้นจี่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามิน บี 1 ในลิ้นจี่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือด แคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/jcomp

ส่วนผสมน้ำลิ้นจี่
– ลิ้นจี่สด 5 กิโลกรัม
– น้ำสะอาด 10 กิโลกรัม
– น้ำตาลทราย 1.5 กิโลกรัม
– เกลือ 30 กรัม
– กรดมะนาว 15 กรัม
– สีผสมอาหารสีชมพู

วิธีทำน้ำลิ้นจี่
1.ล้างลิ้นจี่ แกะเอาเนื้อออก ปั่นเนื้อให้ละเอียด
2.นำเนื้อลิ้นจี่ มาผสมกับน้ำสะอาด ต้มให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย กรดมะนาว และเกลือ แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3.นำน้ำลิ้นจี่ต้มให้เดือดอีกครั้ง เติมสีผสมอาหารให้มีสีชมพูจางๆ
4.ปล่อยให้เย็น รับประทานได้ทันทีโดยเสริฟกับน้ำแข็ง
5.ถ้าต้องการบรรจุขวดสามารถทำได้ตามขั้นตอนการบรรจุขวด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://www.freepik.com/author/jcomp

สรรพคุณทั่วไปของลิ้นจี่
เชื่อหรือไม่เห็นว่ารสชาติหวานๆ แบบนี้ลิ้นจี่ถือเป็นผลไม้ที่เหมาะสมกับการรักษารูปร่าง ถ้าหากทานอย่างพอดี ลิ้นจี่ 1 ถ้วย (6 ผล ไม่แกะเมล็ดออก) ให้พลังงาน 125 แคลอรี มีไขมันน้อยกว่า 1 กรัม ลิ้นจี่มีวิตามินบี 2 โพแทสเซียม และมีวิตามินซีสูงมาก กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้วิตามินซีครบถ้วนตามความต้องการใน 1 วัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน ในฤดูกาลที่มีขายให้ทานกันอย่างมากมาย สามารถใช้ลิ้นจี่แทนการทานวิตมินซีสังเคราะห์ได้

สรรพคุณทางยาของส่วนต่างๆ
– เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้กระหายน้ำ แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร
– นอกจากนี้ประเทศจีนใช้ชาเปลือกลิ้นจี่บรรเทาอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส แก้บิด แก้ผดผื่น
– เมล็ดมีฤทธิ์แก้ปวดบวม โดยใช้บดเป็นผงชงน้ำดื่ม หรือใช้พอกบริเวณมีอาการ
– รากลิ้นจี่หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มความสามารถระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลิ้นจี่มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ และเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญสารอาหารในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/security-535773/

สรรพคุณกับการต้านโรคมะเร็ง
มีงานวิจัยในประเทศจีนพูดถึงการสกัดสารฟลาโวนอยด์ที่มีมากมายในเปลือกและเนื้อลิ้นจี่ ว่าสามารถช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม และช่วยยับยั้งผลต่อเนื่องในการแทรกตัว การยึดเกาะพื้นผิวของเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาผลิตเป็นอาหารเสริมให้กับผู้ป่วยมะเร็ง

ข้อควรระวัง
สำหรับผู้ที่ยีนบกพร่อง คือ มีอาการ เวียนหัว ตาลาย มีเสียงในหู ปวดเมื่อยเอว ร้อนอุ้งเท้า ปากคอแห้ง ลิ้นแดง มีฝ้าน้อย ไม่ควรควรหลีกเลี่ยงการทานลิ้นจี่ ถ้าหากทานลิ้นจี่มากจะทำให้เกิด “โรคลิ้นจี่” ซึ่งมีอาการหัวใจเต้นเร็ว แขนขาไม่มีแรง มึนหัว หน้ามืดตาลาย เป็นต้น ถ้ามีอาการดังกล่าว ให้เอาเปลือกลิ้นจี่ ต้มกิน อาการก็จะหายไป

น้ำลิ้นจี่ เป็นเครื่องดื่มที่มีรสอร่อย มีรสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วชื่นใจ นอกจากนี้ยังมีความหอมของลิ้นจี่ที่ชวนให้ผ่อนคลายอย่างมาก สำหรับใครที่ชื่นชอบการทานลิ้นจี่ก็ลองทำน้ำลิ้นจี่ตามสูตรที่ DooDiDo นำมาบอกกล่าวกันดูนะคะ จะทำดื่มเองก็อร่อย จะทำขายก็ได้กำไรอย่างมากเลยค่ะ โดยเฉพาะหน้าร้อนแบบนี้ได้น้ำลิ้นจี่เย็น ๆ สักแก้วคงจะชื่นใจอย่างมากเลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://vegetweb.com, https://skm.ssru.ac.th