“Aperitif” เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยทรงเสน่ห์สไตล์ฝรั่งเศส

WM

“อาเปริตีฟ” เครื่องดื่มก่อนเริ่มมื้ออาหาร ก่อนจะถึงอาหารมื้อใหญ่ อาจจะเสิร์ฟกับอาหารเบาๆ

ถ้าหากจะจัดอันดับประเทศที่มีความโรแมนติกแล้วล่ะก็ เชื่อได้เลยว่ายังไงก็ต้องไปพ้นประเทศฝรั่งเศสอยู่ล่ะค่ะ อันดับแรกที่ผู้คนจะต้องนึกถึงในฝรั่งเศสคืออะไรกันหรอคะ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึงแต่ หอไอเฟล กันแน่นอนเลย หรือไม่ก็ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) ซึ่งเหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะเพราะอย่างแรกเลยหอไอเฟลนั้นเป็นถึงสัญลักษณ์ของฝรั่งเศส ที่คู่รักฟลายๆ คนก็เลือกที่จะไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่นี่กัน อีกทั้งพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) นั้นก็เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษางานศิลปะระดับโลกไว้

แต่ถ้าจะพูดถึงวัฒนธรรมการทาน การดื่มของคนฝรั่งเศสแล้วล่ะก็ คนฝรั่งเศสจะให้ความสำคัญกับมื้ออาหาร ตั้งแต่เรียกน้ำย่อยไปจนกระทั่งคอร์สสุดท้าย โดยเฉพาะการเรียกน้ำย่อยแบบฝรั่งเศส (French Apéritif) ด้วยเครื่องดื่ม “แพมเพลล์” (Pampelle) การเรียกน้ำย่อยแบบฝรั่งเศส (French Apéritif) มีความสำคัญไม่แพ้รายการอื่น เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะได้ต้อนรับแขก เป็นการแสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านยินดีที่ได้พบแขกอีก ขณะเดียวกันก็เป็นการรอแขกที่ยังเดินทางมาไม่ถึง จะมีการเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารเบา ๆ เรียกน้ำย่อย พร้อมกับใช้โอกาสนี้แนะนำแขกที่ยังไม่รู้จักกัน  อาหารเรียกน้ำย่อยเรียกว่า แอปเปอร์ไทเซอร์ ( Appetizer) ส่วนเครื่องดื่มเรียกว่า อาเปริตีฟ (Apéritif)

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/robyrad-13512338/

Apéritif  เป็นคำฝรั่งเศส มาจากคำลาติน Aperire แปลว่า เปิด (To Open) หมายถึงการเปิดหรือเริ่มมื้ออาหาร ก่อนจะถึงอาหารมื้อใหญ่ อาจจะเสิร์ฟกับอาหารเบา ๆ เช่น มะกอก ชีส ขนมปังกรอบ ฯลฯ ขณะที่คำแสลงในภาษาฝรั่งเศสของ  Apéritif  คือ “อาเปโฮร” (Apéro) หมายถึงอาหารที่กินในตอนบ่ายแก่ หรือก่อนมื้อค่ำ

Apéritif  ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1796 ที่เมืองตูรินหรือโตริโน (Turin / Torino) เมืองหลวงของแคว้นเพียดมอนต์ (Piedmont) แหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของประเทศอิตาลีเมื่อ อันโตนิโอ เบเนเดตโต คาร์ปาโน (Antonio Benedetto Carpano) ค้นพบแวร์มุธ (Vermouth) โดยใช้ไวน์ขาว เติมด้วยสมุนไพร และเครื่องเทศที่สไปซี่ กว่า 30 ชนิด ก่อนจะผลิตออกมาขายในอีกทศวรรษต่อมา ภายใต้ชื่อมาร์ตินี (Martini) ชินซาโน (Cinzano) รอสซี (Martini & Rossi) คัมปารี (Campari) และกันชิอา (Gancia) ฯลฯ แต่ Apéritif มาได้รับความนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เริ่มจากในยุโรป และในช่วงทศวรรษ 1900 ก็ได้รับความนิยมในสหรัฐด้วย

แอพเพอริทิฟ (Aperitif) คือเหล้าที่นิยมดื่มก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ จัดอยู่ในประเภทเหล้ายา นิยมมากในประเทศอิตาลี แอพเพอริทิฟทำมาจาก เหล้าองุ่น สมุนไพร และเครื่องเทศ แบ่งเป็น 3 ชนิดด้วยกัน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/bertrand71-2415274/

1. อนิซ (Anis)

เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำจากเมล็ดของ Anis กลิ่นหอมเย็นๆนิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pastis, Pernod, Ricard, แถมเจ้า “อนิซ”ยังเป็นเหล้าที่มีดีกรีสูงที่สุดในบรรดาเหล้าด้วยกัน

2. บิตเตอร์ (Bitter)

เป็นเหล้ายาที่มีรสชาติขม ชาวยุโรปนิยมนำมาดื่มแก้โรคกระเพาะ ซึ่งชาวยุโรปเชื่อว่าเจ้า Bitter มีส่วนช่วยในการย่อยอาหารได้ Bitter บางชนิดมีรสขมมาก บางชนิดก็มีรสชาติขมอมหวาน เช่น Branca, Branca Menta, Campari, Fernet Angostura Bitter

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@kamilamac_visuals

3. เวอร์มุท (Vermouth)

เป็นเหล้ายาทำจากรากไม้และเครื่องเทศ มีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกันออกไป เวอร์มุทเป็นสุราหมักชนิดหนึ่ง บางครั้งถูกจัดอยู่ในประเภทไวน์เจริญอาหาร ฉะนั้น เวอร์มุทจึงเป็นสุราที่ทำมาจากองุ่น (ไวน์) และได้ผ่านการปรุงแต่งกลิ่นรสด้วยพืชสมุนไพร เครื่องเทศ เราสามารถเรียกอีกอย่างว่า อโรมาติก ไวน์ (Aromatic Wine-ไวน์ที่มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ) หรือ แอปเพอร์ริทิฟ ไวน์ (Aperitif Wine-ไวน์เจริญอาหาร) ก็ได้เพราะเป็นสุราที่ทำมาจากเหล้าองุ่นถึง 75% นั้นเเองครับ

ต้นกำเนิดของ “เวอร์มุท” มาจากประเทศ อิตาลี (Italy) นอกจากอิตาลีแล้ว ฝรั่งเศสก็เป็นอีกประเทศที่ผลิตเวอร์มุทอย่างแพร่หลาย ไม่มีข้อแตกต่างของเวอร์มุทที่ทำในฝรั่งเศสและอิตาลี เพียงแต่มีข้อเด่นคือ ฝรั่งเศส เชี่ยวชาญการผลิตเวอร์มุทแบบดรายและสีใส (Dry White) ส่วนอิตาลีเด่นในทางผลิตเวอร์มุทแบบหวานและสีแดง (Sweet Red) การทำเวอร์มุทค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนสำคัญคือ เหล้าองุ่น โดยทั่วไปใช้ ”องุ่นขาว” ที่ไม่มีรสชาติ Vermouth มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น Barbero, Cinzano, Dubonet, Martini, Pimm’s No.1 เป็นต้น

เป็นยังไงล่ะคะกับ Aperitif ที่เป็นเครื่องดื่มทรงเสน่ห์สไตล์ฝรั่งเศษที่เราสามารถเข้าถึงได้ สำหรับคนฝรั่งเศสแล้วก็สามารถเรียกได้ว่าไม่ว่าจะบ้านเมืองหรือวัฒนธรรมการกิน การดื่มของพวกเค้าก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้แล้ว Aperitif ทั้ง 3 ประเภทยังสามารถนำมาทำค็อกเทลได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Anis’tini, Negroni หรือ Perfect Matini ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากว่าใครมาเป็นสายค็อกเทล หรือค็อกเทลเลิฟเวอร์แล้วล่ะก็ DooDiDo แนะนำยังไงก็ต้องห้ามพลาดนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://bartender-lv1.com , http://drinkvenezia.blogspot.com