โรคนอนไม่หลับ มีอาการและรักษาอย่างไรให้อยู่หมัด

โรคนอนไม่หลับ

โรคนอนไม่หลับ เป็นหนึ่งในปัญหาการนอนหลับที่พบบ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน โดยปกติแล้วจะดีขึ้นโดยการเปลี่ยนนิสัยการนอน ปัญหาในการนอนหลับอาจเกิดจากหลายปัจจัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ โรคนอนไม่หลับ อาการในระยะสั้นอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าในเวลากลางวัน ไม่มีสมาธิ และการนอนไม่หลับส่งผลกระทบต่อผู้คนในรูปแบบต่างๆ และปัญหาสุขภาพจากโรคนอนไม่หลับในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้

โรคนอนไม่หลับ คือโรคอะไร

โรคนอนไม่หลับ ภาษาอังกฤษ (Insomnia) คือ โรคที่มีความผิดปกติในวงจรการหลับ โดยสามารถแบ่งเป็นชนิดของการนอนไม่หลับ 3 ชนิดใหญ่คือ หลับยาก หลับไม่ทน  และหลับๆตื่นๆ ซึ่งผู้เป็นโรคนอนไม่หลับอาจจะมีอาการเพียงข้อใดข้อหนึ่งหรือมีหลายข้อรวมกันก็ได้ และแน่นอนเมื่อมีอาการโรคนอนไม่หลับในช่วงตอนกลางคืนนั้นก็จะส่งผลกระทบในตอนกลางวันทำให้รู้สึกอ่อนแรง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ ง่วงซึม และส่งผลต่อสุขภาพเช่น

  • สภาพทางจิต : ความเครียด, ภาวะซึมเศร้า, หรือปัญหาจิตเวชอื่นๆ สามารถทำให้มีปัญหาในการหลับ
  • ปัญหาสุขภาพทางร่างกาย : โรคเรื้อรัง, ความปวดร้าว, หรือสภาวะทางร่างกายที่ไม่สบายส่วนไหนส่วนหนึ่งทำให้นอนไม่หลับจนกลายเป็ โรคนอนไม่หลับเรื้อรัง รักษาไม่หาย
  • วิถีการนอน : การนอนที่ไม่สมดุล, การทานอาหารหนักในตอนกลางคืน, การดื่มสาร exciting เช่น กาแฟหรือน้ำชาใกล้เวลานอน, หรือการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน
  • การทำงานกลางคืนหรือการทำงานกะดึก : กะดึกทำงานหรือการทำงานที่เปลี่ยนช่วงเวลาการนอนปกติ
  • สภาพแวดล้อม : การสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับการนอน เช่น แสงสว่าง, เสียงรบกวน, หรืออุณหภูมิห้องนอนที่ไม่เหมาะสม

โรคนอนไม่หลับ

สาเหตุของอาการนอนไม่หลับ

อาการโรคนอนไม่หลับ สาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ สาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการของโรคนอนไม่หลับมีดังนี้

  • สภาพทางจิต : ความเครียด, ภาวะกังวล, หรือภาวะซึมเศร้า สามารถมีผลต่อการหลับ
  • ปัญหาสุขภาพทางร่างกาย : โรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจ, หรือภาวะปวดเรื้อรัง เป็นต้น
  • การทำงานกะดึกหรือการทำงานกลางคืน : การทำงานหรือการมีกิจกรรมที่สามารถทำให้ตื่นตัวมากเกินไปในช่วงเวลาเย็นหรือกลางคืน
  • สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม : แสงสว่างที่มากเกินไป, เสียงรบกวน, หรืออุณหภูมิห้องที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้หลับยาก
  • นิพจน์ของวิถีการนอน : การนอนในวันหรือช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม, การนอนในระยะเวลาที่ไม่ตรงตามลำดับภาษาธรรมชาติ, หรือการนอนในท่าที่ไม่สบาย
  • การสารพิษหรือยา : การใช้ยาหรือสารต่างๆ ที่สามารถทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ เช่น ยาควบคุมความดัน, ยาต้านเศร้า, หรือสารประกอบในอาหารหลายชนิด
  • ภาวะตื่นตัวในช่วงเวลากลางคืน : ภาวะที่ทำให้ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลากลางคืนอย่างต่อเนื่อง เช่น การต้องตื่นไปห้องน้ำ, ภาระงานที่ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง หรือการตื่นขึ้นมาดูทีวี

หากกำลังประสบกับปัญหาโรคนอนไม่หลับควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพเพื่อการประเมินและการแนะนำการรักษาที่เหมาะสม การรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยค้นหาสาเหตุและทำให้มีการรักษาโรคนอนไม่หลับที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การแก้ปัญหาโรคนอนไม่หลับ แก้ยังไง

การแก้ปัญหาอาการของโรคนอนไม่หลับอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีโดยการลงมือแก้ไขวิถีชีวิตและนำเอานวัตกรรมที่ดีเข้ามาในการนอน วิธีแก้ไขปัญหาการนอนไม่หลับมีดังนี้

  • สร้างระบบการนอน : โดยทำตั้งเวลานอนและตื่นเช้าในทุกวันรวมทั้งในวันหยุด ปรับห้องนอนให้เป็นที่นอนที่สบาย, มืด, และเงียบ หลีกเลี่ยงการทานอาหารหนักหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีสารตื่นก่อนเข้านอน
  • มีกิจกรรมผ่อนคลาย : ทำโยคะหรือการฝึกสมาธิก่อนนอน อ่านหนังสือหรือฟังเพลงที่เป็นส่วนตัวและผ่อนคลาย
  • ลดการบริโภคสารตื่น : หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ, ชา, และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือสารตื่นอื่นๆ ใกล้เวลานอน
  • ทำกิจกรรมสร้างประสบการณ์ใหม่ : หากไม่สามารถหลับได้ภายใน 15-20 นาที, ลองทำกิจกรรมเพื่อทำให้ตื่นสดชื่นอีกครั้งแล้วจึงกลับมานอน
  • จำกัดการใช้เตียง : ใช้เตียงเพื่อนอนเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการใช้เตียงในกิจกรรมอื่นนอกจากการนอน
  • หลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน : หากเป็นไปได้ลองหลีกเลี่ยงการนอนในช่วงกลางวันเพื่อสร้างการหลับที่ดีขึ้นในตอนกลางคืน
  • การติดตามวิถีการบริโภค : หลีกเลี่ยงอาหารหนักในเวลายาวนานและลดการบริโภคอาหารหลายชนิดที่มีสารผูกติดดูดน้ำในร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรหรือยาที่ให้ผลข้างเคียง : การใช้สมุนไพรหรือยาต่างๆ ที่มีผลข้างเคียงทำให้มีปัญหานอนเพิ่มขึ้น

หากปัญหาการนอนไม่หลับยังคงต่อเนื่องควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพเพื่อการประเมินและการแนะนำการรักษาโรคนอนไม่หลับที่เหมาะสม

อาการนอนไม่หลับแบบไหนควรพบจิตแพทย์

อาการโรคนอนไม่หลับสามารถเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางร่างกาย, ปัญหาจิตเวช, หรือการผสมผสานของปัฐหา การตัดสินใจที่จะพบจิตแพทย์เพื่อการประเมินและการดูแลอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ

  • ระยะเวลาที่นอนไม่หลับ : หากปัญหาการนอนไม่หลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นระยะสั้นๆ เช่น ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ สามารถลองดูวิธีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการนอนก่อนที่จะพบจิตแพทย์เพื่อรักษาโรคนอนไม่หลับ
  • ความรุนแรงของปัญหา : หากปัญหาการนอนไม่หลับมีความรุนแรงและมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต, การทำงาน, หรือสุขภาพทั่วไป, การพบจิตแพทย์เพื่อรักษาโรคนอนไม่หลับเป็นทางเลือกที่ดี
  • อาการทางจิตเวชที่มี : หากมีสัญญาณหรืออาการทางจิตเวชที่รู้สึกว่ามีอิทธิพลต่อการนอน เช่น ภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, หรือปัญหาทางจิตที่อื่น, การพบจิตแพทย์เป็นทางเลือกที่สำคัญ
  • การลองมากมายแล้วแต่ไม่ได้ผล : หากได้ลองวิธีการปรับเปลี่ยนและยังคงมีปัญหาการนอนไม่หลับ การรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์สามารถช่วยในการทำประเมินลึกซึ้งและการวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับที่มีประสิทธิภาพ

การพบจิตแพทย์ช่วงปัญหาการนอนไม่หลับอาจมีขั้นตอนดังนี้

  1. ประเมินประวัติการนอน จิตแพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับระยะเวลาที่มีปัญหา, ลักษณะของปัญหา, และประสบการณ์ในการนอน
  2. ประเมินทางจิตวิทยา การทำประเมินทางจิตวิทยาเพื่อตรวจสอบอาการทางจิตเวชที่อาจมีผลต่อการนอน
  3. การให้คำปรึกษาและการสนับสนุน จิตแพทย์สามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับความเครียด, การสร้างระบบการนอนที่ดี, หรือการฝึกสมาธิ

การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ

การเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสมสามารถช่วยส่งเสริมการนอนได้ นี่คืออาหารและเครื่องดื่มที่มีความสัมพันธ์กับการช่วยแก้ปัญหาโรคนอนไม่หลับ

  1. กลูตามีน (Glutamine) พบในอาหารหลายประการ เช่น นม, ปลา, ไข่, และเนื้อ. กลูตามีนมีความสำคัญในการสร้างสารเคมีในสมองที่ช่วยปรับสมดุลระหว่างการอยู่ตื่นตลอดวันและการนอน
  2. เซโรโทนิน (Serotonin) ที่มีความเกี่ยวข้องกับการรับประทานที่พบในอาหารที่มีทริปโตแฟน, ที่พบในกลุ่มอาหารเช่น ไข่, ปลา, ไก่, ผลไม้, และพืชใบเขียว
  3. แคลเซียม (Calcium) อาหารที่มีแคลเซียม, เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม, อาจมีผลในการสร้างเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารช่วยในการนอน
  4. มากนีเซียม (Magnesium) ที่พบในเนื้อสัตว์, พืชใบเขียว, และเมล็ดธัญพืช. มากนีเซียมมีผลกระทบในการผ่อนคลายและช่วยลดความเครียด
  5. เบต้า-คาโรทีน (Beta-carotene) ที่พบในผักที่มีสีเขียว, เหลือง, และส้ม เช่น แครอท, บรอโคลี, และมะละกอ เบต้า-คาโรทีนมีฤทธิ์ต่อสุขภาพสมอง
  6. เมลาโทนิน (Melatonin) ที่พบในผลไม้และอาหารอื่นๆ เช่น ชมพู, ชมพูนาง, และทับทิม. เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมรอบนอน-ตื่น
  7. ไทโรซีน (Tyrosine) ที่พบในกาแฟ, ช็อคโกแลต, และเนื้อสัตว์. ไทโรซีนมีส่วนช่วยในการสร้างนวัตกรรมสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการตื่น

นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารหนักและดื่มน้ำตามตอนเย็นหรือก่อนนอนเพื่อป้องกันการกินที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายและทำให้การนอนได้มีคุณภาพน้อยลง

บทสรุป

การแก้ไขปัญหาโรคนอนไม่หลับอาจต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและนำเอาสภาพแวดล้อมที่ดีเข้ามาเพื่อสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการหลับ นอกจากนี้การใช้เทคนิคที่ช่วยผ่อนคลายและสร้างระบบการนอนที่ดีมีผลต่อการนอนด้วย การปรับวิถีชีวิตและสร้างระบบการนอนที่ดีอาจใช้เวลาแต่มีผลการดีต่อการนอนและสุขภาพทั่วไป หากปัญหาการนอนไม่หลับยังคงต่อเนื่องควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพเพื่อการประเมินและการแนะนำการรักษาโรคนอนไม่หลับที่เหมาะสม

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก :

  • pexels.com

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงจาก :

  • nhs.uk
  • medicalnewstoday.com
  • hopkinsmedicine.org

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com

สนใจเกมออนไลน์คลิ๊ก