แผลร้อนใน มีวิธีการดูแลและรักษาอย่างไรให้หายทันใจ

แผลร้อนใน

แผลร้อนใน เป็นแผลในปากที่มีลักษณะเป็นรูปวงกลมหรือวงรี มีอาการบริเวณปาก, ลิ้น, กระพุ้งแก้ม, ด้านในของริมฝีปาก หรือเพดานปาก มีลักษณะเป็นสีขาวหรือเหลือง รอบรอยแผลจะแดง มีขนาดเล็ก 1 มม.- 1 นิ้ว ทำให้รู้สึกปวด แสบร้อน และชา หรืออาจมีไข้ ก่อให้เกิดอาการเจ็บและระคายเคืองภายในปากเวลากินอาหาร ดื่มน้ำ หรือการพูด ในบทความนี้จะมาพูดถึงอาการแผลร้อนใน, สาเหตุ, วการรักษา, วิธีการดูแล และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นแผลร้อนใน

แผลร้อนใน
รูปประกอบจาก istockphoto.com

แผลร้อนใน มีอาการอย่างไร

แผลร้อนใน หรือแผลในปาก มักมีลักษณะและอาการต่อไปนี้

  • การรู้สึกเจ็บปวด: แผลร้อนในปากมักทำให้รู้สึกเจ็บปวด โดยอาจมีความเจ็บปวดที่รุนแรงและรุนแรงมากถึงขั้นที่ทำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มบางประการ
  • ลักษณะของแผล: แผลร้อนในปากมักเป็นก้อนนูนแดง มักมีฝ้าเล็กๆ รอบแผล และบางครั้งอาจอักเสบ
  • ความร้อนหรือรู้สึกร้อน: บางครั้งแผลร้อนในปากอาจทำให้รู้สึกร้อนหรือร้อนระคายเคือง
  • การทำลายเนื้อเยื่อ: ในบางกรณีแผลร้อนในปากอาจทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ แผล ทำให้เกิดแผลและก้อนนูน
  • การทำให้รู้สึกไม่สบาย: คนที่มีแผลร้อนในปากบางครั้งอาจรู้สึกไม่สบายและมีไข้
  • ความเสียดที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลา: แผลร้อนในปากมักมีระยะเวลาที่เฉียบแหลมและเจริญเติบโตขึ้น แล้วค่อยกลับสู่ภาวะปกติ

สาเหตุของการเกิดแผลร้อนใน

การเกิดแผลร้อนในปากสามารถมีหลายสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ต่อไปนี้คือบางสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนในปาก

  • ไวรัส Herpes Simplex Virus: ไวรัสชนิดนี้มักเป็นสาเหตุหลักของแผลร้อนในปาก หรือที่เรียกว่า “สวิตช์” การติดเชื้อสามารถเกิดจากการสัมผัสตรงๆ หรือผ่านทางน้ำลายที่ปล่อยออกมาจากคนที่ติดเชื้อ
  • การบาดเจ็บ: การกระทำที่ส่งผลให้เกิดแผลร้อนใน เช่น การกัดเหยียด, การใช้ฟันกระดาน
  • การทำลายของเอนไซม์หรือสารเคมี: การใช้สารละลายที่มีส่วนผสมเคมีที่สามารถทำลายเนื้อเยื่อภายในปาก เช่น การใช้ยาฆ่าเชื้อ หรือยาสระผมที่มีส่วนผสมเคมีที่แรงมาก
  • การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสอื่นๆ: การติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับโรคหรือการติดเชื้อจากระบบทางเดินหายใจ เช่น แบคทีเรีย, ไวรัสโคโรน่า หรือไวรัสที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศอาจทำให้เกิดแผลร้อนในปาก
  • การใช้ยาหรือการแพ้ต่อยา: การใช้ยาบางชนิดหรือการแพ้ต่อส่วนผสมในยาสามารถทำให้เกิดแผลร้อนในปาก
  • โรคประจำตัว: บางโรคที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคลูปัส, โรคเบาหวาน หรือโรคระบบภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลร้อนในปาก

การรักษาแผลร้อนใน

การรักษาแผลร้อนในปากขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการที่เกิดขึ้น การบรรเทาอาการด้วยการใช้ยาลดอาการเจ็บปวดและยาต้านไวรัสสามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ในกรณีอาจจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การรักษาแผลร้อนในปากมักเน้นการบรรเทาอาการและส่งเสริมการหายของแผล ต่อไปนี้คือบางวิธีที่สามารถช่วยในการรักษาแผลร้อนในปาก

  • การใช้ยาลดอาการเจ็บปวด: รักษาแผลร้อนในโดยใช้ยาประจำที่มีส่วนผสมอาจมีลักษณะเจลลงบริเวณแผล เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด และใช้ยาลดการอักเสบ เช่น แอสไพริน (aspirin) หรือ อิบูโพรเฟน (ibuprofen)
  • การใช้ยาต้านไวรัส: ในกรณีที่แผลร้อนในเกิดจากไวรัส Herpes Simplex Virus สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่แพทย์สั่งให้เพื่อลดอาการและระยะเวลาการเป็นโรค
  • การใช้ลูกประคองเย็น: การใช้ลูกประคองเย็นบริเวณแผลสามารถช่วยลดบริเวณที่อักเสบและบรรเทาอาการปวดจากแผลร้อนในได้
  • การรักษาด้วยชีวิตสมาธิ: การปฏิบัติสมาธิหรือการนั่งสมาธิอาจช่วยลดระดับความเครียดและสามารถมีผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน
  • การรักษาด้วยสมุนไพร: บางครั้งการใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านเชื้อและบรรเทาอาการเจ็บปวดของแผลร้อนในอาจเป็นทางเลือก เช่น น้ำมันมะกรูด, น้ำมันโบราณ หรือสมุนไพรอื่นๆ ที่มีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์

วิธีการดูแลแผลร้อนใน

การดูแลแผลร้อนในปากเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยในการหายของแผลและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ และควรทำทุกวันเพื่อให้แผลหายเร็วและป้องกันปัญหาจากแผลร้อนในปากที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลแผลร้อนในปาก

  • ทำความสะอาดปาก: ล้างปากด้วยน้ำสะอาดหลังจากทุกมื้ออาหาร การใช้ยาหลังจากทานอาหารสามารถช่วยทำความสะอาดแผลร้อนในและลดการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส: หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลร้อนในปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการกัดเล็บหรือทำท่าทางที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มเติม
  • การใช้ยาลดอาการเจ็บปวด: ใช้ยาลดอาการปวดตามคำแนะนำที่แพทย์หรือเภสัชกรให้ หากมีการใช้ยาลดอาการต้านไวรัสตามคำแนะนำของแพทย์ ควรให้วินิจฉัยและสั่งให้ใช้โดยแพทย์
  • การปรับทานอาหาร: หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่อาจทำให้รู้สึกระคายเคือง เช่น อาหารเค็ม, อาหารรสจัด, อาหารที่ร้อน ควรเลือกทานอาหารที่อ่อนโยนต่อปาก เช่น อาหารละลายหรืออาหารที่ไม่ต้องการการเคี้ยวมาก
  • การรักษาตามคำแนะนำของแพทย์: ทำตามคำแนะนำเฉพาะทางที่แพทย์ให้ เช่น การใช้ยาต้านไวรัสหรือยาลดอาการปวดตามที่แพทย์สั่ง

อาหารที่ไม่ควรกินเมื่อเป็นแผลร้อนใน

เมื่อคุณมีแผลร้อนในปากอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภค เพื่อป้องกันการทำให้รู้สึกระคายเคืองและทำให้แผลร้อนมีโอกาสหายเร็วขึ้น ต่อไปนี้คืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อคุณมีแผลร้อนในปาก

  • อาหารที่ร้อน: อาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองมากขึ้นและทำให้แผลร้อนในมีอาการปวดมากขึ้น
  • อาหารที่รสจัด: อาหารที่มีรสจัดหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว, เค็ม อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองแผลร้อนใน
  • อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นกรด: อาหารที่มีการทำให้เกิดกรดมาก เช่น ส้ม, มะนาว, มังคุด และเครื่องดื่มที่มีความเปรี้ยวมาก อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองและทำให้แผลร้อนในรู้สึกอาการเจ็บปวดมากขึ้น
  • อาหารที่เคี้ยวยาก: อาหารหรือเครื่องดื่มที่ต้องการการเคี้ยวมาก อาจทำให้รู้สึกไม่สบายและทำให้แผลร้อนในบาดเจ็บมากขึ้น
  • อาหารที่มีแร่ธาตุเคมี: บางแร่ธาตุเคมีหรือสารที่มีความแตกระทำสูงอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองมากขึ้น
  • อาหารที่แห้ง: อาหารที่แห้งมากๆ อาจทำให้รู้สึกยุ่งยากในการเคี้ยวและทำให้รู้สึกไม่สบาย
  • อาหารที่มีเส้นใยมาก: อาหารที่มีเส้นใยมากๆ อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองและทำให้รู้สึกไม่สบาย

บทสรุป

ถึงแม้อาการแผลร้อนในจะไม่เป็นอันตรายและมีอาการในระยะเวลาสั้นๆ แต่หากไม่ดูแลและหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ควรทำจะทำให้เป็นแผลนานหรือมีแผลขนาดใหญ่ขึ้นได้ เพราะฉะนั้นควรดูแลแผลร้อนในที่ถูกวิธีและทำตามคำแนะนำข้างต้น จะทำให้แผลหายได้เร็วและป้องกันการเกิดแผลในระยะยาว

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : nhs.uk/madisondentalhealth.com/nhsinform.scot

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com