แนะนำ!! 8 อาหารสำหรับคนอยากมีลูก กินแล้วดีทั้งผู้หญิและผู้ชาย

WM

เมื่อสุขภาพของแม่และพ่อแข็งแรงดี ระบบสืบพันธุ์ก็จะแข็งแรงทำให้คุณแม่ท้องง่ายขึ้น

สำหรับคู่รักที่แต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วกำลังวางแผนจะมีลูกต้องทำอย่างไร มาทางนี้ค่ะ สิ่งแรกที่คุณจะต้องเตรียมให้พร้อมนั่นคือ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงค่ะ ซึ่งอาหารการกินนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพกายที่ดี พร้อมที่จะเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้ อาหารเพื่อคนอยากมีลูก ที่กินได้กินดี ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เพราะงานนี้ จะเดินหน้าคนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องมาจากการร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ประสานกำลังรวมกัน ถึงจะมีลูกได้สมใจ

ดังนั้น เรามาบำรุงร่างกายด้วยอาหาร ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ต่างๆ ภายในนั้นแข็งแรง เพื่อจะได้มีลูกง่ายขึ้นกัน อาหารเพื่อคนอยากมีลูก และการดูแลด้านโภชนาการที่ดี ของทั้งฝ่ายหญิง และ ฝ่ายชาย ในช่วงตั้งครรภ์ โภชนาการที่ดี มีประโยชน์ต่อคุณแม่ และ ลูกน้อยในท้อง อาหารสำหรับคนอยากท้อง ก็สำคัญเหมือนกัน เริ่มจาก การบำรุงร่างกาย กินอาหาร ที่มีประโยชน์ เมื่อสุขภาพของแม่ และ พ่อ แข็งแรงดี ระบบสืบพันธุ์ก็จะแข็งแรง พร้อมที่จะมีลูกน้อยเร็วๆ จะทำให้คุณแม่ท้องง่ายขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/showmeyourflowers-10204639/

1.ผัก
ทานผัก ให้หลากหลาย ยิ่งทานได้หลายๆ สี ยิ่งดี การรับประทานผัก เป็นประจำ เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับ คุณแม่ที่เตรียมตัว ตั้งครรภ์ เพราะผักมี วิตามินอี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการตกไข่ ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักโขม บรอกโคลี ฯลฯ มีโฟเลตและวิตามินบีสูง ช่วยเร่งการตกไข่ของคุณผู้หญิง และทำให้สเปิร์มของคุณพ่อ แข็งแรงขึ้น เพิ่มโอกาสการครรภ์ ได้มากขึ้น

2.เลือกใช้น้ำมันพืช แบบไม่อิ่มตัวให้มากขึ้น
เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน หรือ น้ำมันรำข้าว จะช่วยให้การตอบสนอง ของระบบน้ำตาลในเลือดดีขึ้น ลดความเสี่ยงภาวะโรคเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ได้ดี

3.เนื้อปลา
อาจเคยได้ยินกันมาว่า การทานเนื้อปลา อาจเสี่ยงต่อการได้รับ สารปรอท การมีข่าวออกมาอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะมีหน่วยงาน คอยช่วยระวัง และทำการตรวจสอบอยู่เสมอ กินปลาแล้วดี มีโปรตีน วิตามินดี และไขมันต่ำ เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน เหมาะกับ คนอยากท้อง และดีสำหรับคุณแม่ ที่กำลังตั้งครรภ์ และ ให้นมบุตรด้วย

จะดีที่สุดคือ ควรทานปลา ที่มีสารปรอทต่ำ เช่น แซลมอน ปลาดุก กุ้ง หรือ ทูน่ากระป๋อง ในน้ำเกลือ แบบชิ้นเล็ก) ให้ได้ อย่างน้อย 3-4 ขีดต่อสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ ได้รับ โอเมก้า 3 ในปริมาณที่เพียงพอ ต่อการเจริญพัฒนา ของตัวอ่อน

4.เพิ่มโปรตีนจากพืช แทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
เช่น เมล็ดถั่ว ถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้ เพราะเนื้อสัตว์อาจย่อยยากเกินไป สำหรับว่าที่คุณแม่ รวมไปถึงคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/suxco-4876860/

5.ผลไม้
ทานผลไม้ ที่มีรสไม่หวานมาก เพื่อวิตามิน แร่ธาตุ และ ไฟเบอร์ ควรทานให้ได้ 5 ขีดต่อวัน (ปริมาณประมาณ ฝรั่งหนึ่งลูก ขนาดเหมาะๆ )

6.โฮลเกรน ธัญญพืชไม่ขัดสี
รับประทานถั่ว เมล็ดธัญพืช อุดมด้วยโปรตีน แล ะธาตุเหล็ก เป็นเคล็ดลับดี ๆ เพิ่มความฟิตให้คุณแม่ ช่วยให้มดลูกแข็งแรง และ ผลิตไข่ที่มีคุณภาพ จะทำให้มีลูกง่ายขึ้น ธัญญพืช มี สารต้านอนุมูลอิสระ อยู่มาก มี วิตามินบี และ ธาตุเหล็กสูง ควรหาทานให้ได้ สักวันละ 1 – 2 ขีด เช่น อาจนำ ถั่วดำ ถัวแดง ข้าวบาเลย์ หรือ ข้าวโอ๊ต หุงผสม รวมกับข้าว ช่วยเพิ่มรสชาติ และ ได้ประโยชน์ โดยไม่ยุ่งยาก

7.นมสด
สำหรับคุณผู้หญิง ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป แนะนำให้ดื่มนมสดธรรมชาติ แทนนมพร่องมันเนย หรือกินโยเกิร์ตธรรมชาติ ที่ไม่ได้แยกเอาไขมันนมออก เพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนัก อย่างมีประสิทธิภาพ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/pexels-2286921/

8.เร่งสะสมกรดโฟลิค
หากมีการวางแผนตั้งครรภ์ไว้แล้ว คุณผู้หญิงควรเร่งสะสมกรดโฟลิคเอาไว้เฉลี่ยวันละ 400 มิลลิกรัมต่อวัน ล่วงหน้า 1 – 3 เดือน เพราะมีความสำคัญ ต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ และลดอัตราความเสี่ยง การผิดปกติแต่กำเนิดของเจ้าตัวน้อยระหว่างตั้งครรภ์ ทั้งยังช่วยกระตุ้น ในการสร้างน้ำนมให้คุณแม่ๆ หลังคลอดอีกด้วย คุณแม่สามารถเลือกทานอาหาร ที่ให้กรดโฟลิคสูงได้ง่าย ๆ จากผักใบสีเขียวเข้ม แครอท อาโวคาโด ธัญพืชที่ขัดสีน้อย ขนมปังไม่ขัดสี ผักโขม ถั่ว ฟักทอง มะเขือเทศ ตับ ไข่แดง หรือหากรู้สึกได้รับกรดโฟลิคไม่เพียงพอ สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อรับวิตามินกรดโฟลิค หรือหาซื้อได้จากร้านขายยาชั้นนำทั่วไป

ทั้ง 8 อาหารที่ DooDiDo นำมาเสนอในวันนี้ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนอยากมีลูกค่ะ หากกำลังวางแผนที่จะมีลูกก็อย่าลืมเลือกทานอาหารเหล่านี้นะคะ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ ดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดี งดชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ควรออกกำลังกายหนัก และพยายามอย่าเครียดด้วยนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.mamykid.com