“เม็ดแมงลัก” ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และเป็นยาระบาย ช่วยลดน้ำหนัก

WM

เม็ดแมงลัก ถือเป็นผลผลิตจากพืชสมุนไพรพื้นบ้านไทย ที่นิยมทานกันมาช้านาน

เม็ดแมงลัก หรือชื่อในภาษาอังกฤษเรียกว่า Basil Seed หรือ Sabja Seeds คือ เมล็ดของต้นแมงลัก ที่เป็นสมุนไพรกลุ่มให้กลิ่น มีกลิ่นฉุนลักษณะเดียวกับ ใบกระเพรา และโหระพา นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารในครัวอาหารไทย เช่น แกงเลียง แกงอ่อม แกงหน่อไม้ แกงคั่ว ใส่ในห่อหมก หรือทานคู่กับขนมจีนน้ำยา ด้วยกลิ่นของใบแมงลักจะช่วยดับกลิ่นคาวของปลาและอาหารทะเลที่เป็นส่วนผสมของเมนูเหล่านี้ได้ ส่วนเมล็ดที่เราเรียกว่า เม็ดแมงลักนั้น จะมีสีดำเงา คล้ายงาดำแต่จะมีลักษณะกลมมนกว่า ไม่มีกลิ่น เมื่อนำมาแช่น้ำจะดูดซับน้ำและพองตัวเป็นเจลาตินสีขุ่น

แมงลักเป็นพืชล้มลุก ชื่อสามัญ Lemon basil, Hoary basil, Hairy basil แมงลัก ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum × africanum Lour ในจัดอยู่ในวงศ์กะเพรา ลักษณะของต้นจะคล้ายกับต้นกะเพรา ต่างกันที่กลิ่นและสีใบจะอ่อนกว่า มีลำต้นสูงประมาณ 30-80 เซนติเมตร มีกลิ่นหอมทุกส่วน ใบเดี่ยว ใบเรียงตรงข้ามเป็นคู่ๆ ดอกและช่อจะออกที่ปลายยอด อาจเป็นชื่อเดี่ยวหรือแตกออกเป็นช่อย่อยๆ ดอกจะบานจากล่างไปบน กลีบดอกสีขาว แมงลักในประเทศไทยนั้นแมงลักจะมีสายพันธุ์หลักเพียงสายพันธุ์เดียวนั่นก็คือ “ศรแดง” ที่เหลือก็จะเป็นพันธุ์ผสมหรือพันทาง ลักษณะของพันธุ์ศรแดงที่ดีนั้นใบต้องใหญ่พอดี ไม่เล็กเกินไป ดอกสีขาวเป็นชั้นๆ คล้ายฉัตร

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://shopee.co.th

ลักษณะเม็ดแมงลัก 

ต้นแมงลัก ส่วนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็คือเมล็ดแมงลักและใบแมงลัก ซึ่งในส่วนของใบนั้นเรานิยมนำมาใช้ประกอบอาหารหรือใส่เครื่องแกงต่างๆ เช่น แกงเลียง เป็นต้น ส่วนเมล็ดก็นำมาใช้ทำเป็นขนมอื่นๆ ได้หรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มก็ได้ เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำขิง น้ำใบเตย โดยสามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และยังปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรอีกด้วย

โภชนาการ แมงลัก 100 กรัมจะมีธาตุแคลเซียม 140 mg. และมีวิตามินเอ 590.56 mcg. ที่สูงกว่ากะเพราและโหระพา แต่กรมส่งเสริมการเกษตรระบุว่ามี วิตามินเอ 9,164 IU และ วิตามินบี 2 0.14 mg. ซึ่งน้อยกว่ากะเพราและโหระพา แต่มีวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ที่สูงกว่า เช่น ธาตุแคลเซียม 350 mg. ธาตุฟอสฟอรัส 86 mg. ธาตุเหล็ก 4.9 mg. วิตามินซี 78 mg. และวิตามินบี 1 0.3 mg. เป็นต้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: www.sanook.com

ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก

  • ใช้เป็นยาระบาย กระตุ้นการขับถ่ายให้ดีขึ้น โดยการรับประทานเม็ดแมงลักก่อนเข้านอน
  • เม็ดแมงลักช่วยควบคุมน้ำหนักได้ เพราะไม่ก่อให้เกิดพลังงาน พองตัวได้นาน ทำให้กินแล้วอิ่มท้องนานขึ้น และทานอาหารอื่นๆ ได้น้อยลง
  • เม็ดแมงลักเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะช่วยทำให้การดูดซึมของน้ำตาลลดลง เนื่องจากเม็ดแมงลักทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลงอยู่แล้ว
  • ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลตัวไม่ดีอย่าง LDL และทำให้ระดับคอเรสเตอรอลตัวดี HDL เพิ่มขึ้น
  • เม็ดแมงลักยังมีสารอาหารจำพวกวิตามิน E ที่ช่วยให้ร่างกายผลิตสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  • เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือด ความดัน และโรคหัวใจได้

ข้อควรระวังในการรับประทานเม็ดแมงลัก

  • ก่อนรับประทานต้องแน่ใจว่าแช่เม็ดแมงลักจนพองตัวเต็มที่แล้ว เพราะถ้ารับประทานเม็ดแมงลักที่ยังพองตัวไม่เต็มที่  เมื่อเม็ดแมงลักลงไปอยู่ในท้องก็จะดูดน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูก และท้องอืดมากขึ้น
  • การรับประทานแมงลักพร้อมกับยาตัวอื่น ๆ จะมีผลทำให้ร่ายกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้น้อยลง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยากับเม็ดแมงลักพร้อม ๆ กัน โดยให้เลือกรับประทานยาก่อนสัก 15 นาที ค่อยตามด้วยการรับประทานเม็ดแมงลัก 
  • ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หากรับประทานเม็ดแมงลักแทนมื้ออาหาร ควรเลือกรับประทานในบางมื้อ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เป็นโรคขาดสารอาหารได้
  • เม็ดแมงลักอาจไม่ได้มีสรรพคุณในการลดน้ำหนักโดยตรง แต่หากต้องการตัวช่วยเพื่อควบคุมการรับประทานอาหาร และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น เม็ดแมงลักก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ เม็ดแมงลัก สามารถรับประทานได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรด้วย

สรรพคุณเม็ดแมงลัก ในการเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นกรดน้ำดี และยังช่วยเพิ่มการขับออกของกรดน้ำดีด้วย  ซึ่งจะไปลดเฉพาะคอเลสเตอรอลไม่ดี และยังเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักและความอ้วน เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน DooDiDo แนะนำว่าควรเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ที่ทานเองด้วย เพราะหากทานมากเกินความจำเป็นก็อาจจะให้โทษต่อร่างกายก็เป็นได้

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://medthai.com