อย่าละเลย!! สัญญาณอันตรายโรค “แพ้เหงื่อตัวเอง”

WM

วิธีสังเกตอาการตัวเองว่าร่างกายกำลังเตือนภัย แพ้เหงื่อตัวเอง

สำหรับร่างกายของคนเรา เวลาที่ขยับตัวเยอะๆ เช่นออกกำลังกาย เดินเยอะ ก็จะทำให้เกิดเหงื่อ ออกมาได้เพราะเหงื่อนั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายขับของเสียออกมานั่นเองค่ะ เหงื่อออกมาไม่ว่าจะอากาศร้อน เวลาตกใจ รู้สึกตื่นเต้น หวาดกลัว หรือจากการออกกำลังกาย เหงื่ออกมาได้ทั่วตามร่างกาย ใบหน้า แขน ขา หลัง ตามซอกบริเวณจุดซ่อนเร้นตามร่างกาย แม้แต่ในเวลาที่เรากินอาหารที่ร้อน เผ็ดรวมถึงเครื่องดื่มที่สารคาเฟอีนใน ชา กาแฟ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์

นอกจากนี้เหงื่อถือว่าเป็นตัวเหตุของปัญหากลิ่นตัว กลิ่นไม่พึงประสงค์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังทำปฏิกิริยากับกรดในเหงื่อจนกลายเป็นกลิ่นตัว ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยหนุ่มสาว ความเหนียวตัวและกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเหงื่อทำให้หลายคนรู้สึกหงุดหงิด เหงื่อสามารถบ่งบอกได้หายโรค สำหรับบางคนที่มีผื่นบริเวณซอกพับ ตามลำคอ ข้อพับต่างๆ บริเวณแผ่นหลัง อาจไม่ได้เกิดจากอาการแพ้เสื้อผ้าที่ใส่ วันนี้เราจะพอทุกท่านไป สังเกต อาการตัวเองว่าร่างกายกำลังเตือนภัย แพ้เหงื่อตัวเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/un-perfekt-9295476/

สัญญาณอันตราย โรค “แพ้เหงื่อตัวเอง”

มีใครเคยรู้สึกแสบๆ หรือมีอาการคันยิกๆ ตรงบริเวณที่มีเหงื่อออกตามร่างกายเวลาที่เราไปเจอแดดที่ร้อนมากๆ กันบ้าง? ไม่ว่าจะเป็นตรงลำคอ ใบหน้า แขน ขา เป็นต้น ทั้งคันไม่พอบางทีถึงกับลมพิษขึ้น มีผื่นแดง หรือผื่นคันขึ้นตรงบริเวณดังกล่าว จะเป็นไปได้ไหมว่าเราอาจจะกำลังเป็นโรค “แพ้เหงื่อตัวเอง”

โรคแพ้เหงื่อตัวเอง

ต้องมีหลายคนกำลังสงสัยอยู่แน่ๆ ว่าไอโรคแพ้เหงื่อตัวเองนั้นมีจริงๆใช่ไหม ตอบเลยว่ามีจริงๆ โรคแพ้เหงื่อตัวเอง (Allergic Dermatitis) จัดว่าเป็นโรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้ชนิดหนึ่ง โดยอาการแพ้มักจะแสดงออกมาในรูปของผื่นคันนั่นเอง แต่ต้องบอกก่อนว่าโรคแพ้เหงื่อตัวเองไม่ได้เกิดจากการที่เหงื่อของเราเป็นพิษนะทุกคน เพราะบางเคสเกิดจากผิวหนังของเราที่อาจจะเป็นโรคอื่นอยู่แล้ว เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคเกลื้อน โรคผิวหนังอักเสบ หรือโรคผิวหนังชนิดอื่นๆ เราจะพาทุกคนมาสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคแพ้เหงื่อตัวเองกันดีกว่า ถ้าพร้อมแล้วเราไปเช็คอาการเบื้องต้นกันได้เลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@hansreniers

ส่วนมากแล้วอาการแพ้เหงื่อจะเกิดขึ้นตรงบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น ข้อพับ ขาหนีบ ลำคอ รอบดวงตา และบริเวณใบหน้า เป็นต้นมีอาการคันมากยามเหงื่อออก โดยเฉพาะจุดที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ เช่น ลำคอ ใบหน้า ขาหนีบ แขน ขา ข้อพับ เวลาเหงื่อออกทีไรมักจะตามมาด้วยผื่นแดงหรือตุ่มใสเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดแค่ไหนก็ตาม จะมีตุ่มหรือผื่นแพ้ที่เกิดบนผิวหนัง ซึ่งจะอยู่แค่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถหายไปเองได้ แต่เมื่อไหร่ที่เหงื่อออกอีกครั้ง อาการคันก็จะกลับมา

มีสิวขึ้นบริเวณตรงที่เหงื่อออก แต่ต้องบอกก่อนว่ามีหลายคนคิดว่าตัวเองมีอาการแพ้เหงื่อแล้วสิวขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วผื่นบนผิวหนังนั้นเป็นผื่นที่เกิดจากการแพ้ ไม่ใช่สิว หรือถ้าหากพบว่ามีตุ่มใสขึ้น ลักษณะหน้าตาคล้ายๆสิวอักเสบนั้นต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุของโรคที่แท้จริงเนื่องจากอาการแพ้ที่เกิดจากเหงื่อที่จะแสดงออกมาในรูปของผื่นคันหรือตุ่มคัน และรอยแดงๆ บนผิวหนังเท่านั้น

คนที่มีแนวโน้มเสี่ยงเป็นโรคแพ้เหงื่อตัวเองนั้นอาจจะเป็นคนที่เป็นโรคแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นลมพิษเรื้อรัง คนที่มีโรคหอบหืด หรือโรคจมูกอักเสบ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@henry_ravenscroft_

วิธีรักษาอาการแพ้เหงื่อตัวเอง

หากมีอาการแพ้เหงื่อตัวเอง อาจลองพยายามหลีกเลี่ยงการมีเหงื่ออยู่บนผิวหนังเป็นระยะเวลานานๆ หากมีเหงื่อให้รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย และทำให้ผิวหนังแห้ง ไม่อับชื้นนานๆ ดูก่อน หากไม่ดีขึ้น หรือไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเหงื่อได้เลย อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาทางรักษาอย่างถูกวิธี

แพทย์หญิงสุราศี อิ่มใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก แนะนำว่า การรักษาโรคแพ้เหงื่ออาจทำได้ด้วยวิธี Desensitization หรือการทำให้ร่างกายค่อยๆ ชินต่ออาการแพ้จนไม่มีปฏิกิริยากับอาการแพ้อีกต่อไป โดยอาจลองฝึกให้ร่างกายอยู่ภายใต้สภาพอากาศที่ร้อน หรือปรับอุณหภูมิให้ค่อยๆ รู้สึกอุ่นขึ้นทีละหน่อย จนร่างกายไม่มีอาการแพ้เกิดขึ้นอีก

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สังเกตอาการตัวเองว่าร่างกายกำลังเตือนภัย แพ้เหงื่อตัวเอง DooDiDo บอกเลยว่าอย่าปล่อยให้เหงื่ออยู่บนผิวหนังของเราเป็นระยะเวลานานมากจนเกินไป เพราะทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ได้ ควรรีบไปอาบน้ำชะล้างร่างกายหรือนำผ้าไปซับน้ำให้หมาดๆและนำมาเช็ดตัวให้ผิวชุ่มชื้นจะไม่มีกลิ่มเหงื่อ รักษาความสะอาดของจุดซ่อนเร้น เพราะเป็นจุดอับที่เกิดกลิ่นได้ง่าย เช่น รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับ เลือกสวมเสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ เพราะมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนได้ดี ไม่ก่อให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ทุกวัน เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และควรเลี่ยงรับประทานอาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัตว์เนื้อแดง ซึ่งกระตุ้นให้เหงื่อออกมากขึ้นนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.sanook.com