หากอยากเลิกการติดคาเฟอีน สามารถทำไรอย่างไรได้บ้าง?

WM

6 เทคนิคการเลิกดื่มกาแฟ โดยเฉพาะในคนที่มีอาการติดคาเฟอีน

สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพียงวันละไม่เกิน 1 แก้ว การเลิกกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับผู้ที่ติดคาเฟอีน (caffeine dependence) การเลิกกาแฟอาจจะเป็นเรื่องยากสักนิด แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมทุกวัน สามารถช่วยบำรุงสุขภาพได้ แต่ต้องยอมรับว่า ‘ปริมาณที่เหมาะสม’ นั้น บางครั้งหาได้ยากในกลุ่มคอกาแฟตัวยง ที่สามารถดื่มกาแฟแทนน้ำเปล่าได้โดยไม่คิดอะไร และต้องการดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันที่อยากให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ นานเข้าจึงกลายเป็นภาวะ ‘เสพติดคาเฟอีน’ แบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

ปัจจุบันด้วยสภาพสังคมที่เร่งรีบ หลายคนจึงทำงานแข่งกับเวลา ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องพึ่งพากาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพื่อช่วยปลุกร่างกายให้ตื่นตัวและสดชื่นขึ้น แต่หากดื่มไปนานๆ อาจก่อให้เกิดอาการติดคาเฟอีนได้ และส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังตามมา เช่น กระดูกพรุน โรคตับ และความดันโลหิตสูง เป็นต้น ดังนั้นทางที่ดีควรลดและเลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไปเลยจะดีกว่า ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีเลิกติดคาเฟอีนมาฝากกัน ต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@christiana

1.ค่อยๆ ลดการดื่มกาแฟลง

สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะติดคาเฟอีน สามารถดื่มกาแฟได้มากถึงวันละ 3-4 แก้ว แต่แนะนำว่าไม่ควรเลิกดื่มในทันทีทันใด เพราะจะทำให้เกิดภาวะลงแดงและส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายได้ เช่น เกิดอาการซึมเศร้า ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ขาดสมาธิหรืออาเจียน เนื่องจากคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับเข้าไปอย่างต่อเนื่องมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับยาเสพติด จึงส่งผลต่อระบบประสาท ดังนั้นแนะนำให้ใช้วิธีค่อยๆ ลดปริมาณลงหรือหาเครื่องดื่มชนิดอื่นที่มีรสชาติใกล้เคียงมาดื่มแทนจะดีกว่า

2.ยาแก้ปวดก็สามารถช่วยได้

เมื่อร่างกายขาดกาแฟหรือคาเฟอีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างอาการปวดศีรษะรุนแรงจนทำให้หลายคนทนไม่ไหว และไม่สามารถเลิกดื่มกาแฟได้สักที ดังนั้น เมื่อเริ่มมีอาการปวดศีรษะจนทนไม่ไหว ก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@teacreative

3.หาเครื่องดื่มชนิดอื่นมาดื่มทดแทน

อีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้สามารถเลิกดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนได้เร็วคือ การลองหาเครื่องดื่มชนิดอื่นมาดื่มควบคู่หรือดื่มแทน เพื่อช่วยลดความกระหายและปรับร่างกายให้คุ้นชิน เช่น กาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน น้ำหวาน นม หรือชาสมุนไพร เป็นต้น

4.ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เข้าไว้

การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ดับกระหาย และมีส่วนช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้น การดื่มน้ำเปล่าปริมาณมากจะช่วยลดภาวะซึมเศร้าและความต้องการคาเฟอีนลง พร้อมกับช่วยเจือจางคาเฟอีนที่ตกค้างในร่างกายได้อีกด้วย

5.รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างเช่น ผักผลไม้ ธัญพืช โดยหลีกเลี่ยงอาการกลุ่มไขมันสูง อาหารมื้อหลัก เพราะจะทำให้รู้สึกง่วง ซึ่งการทานอาหารในรูปแบบนี้จะช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ลดการพึ่งพาคาเฟอีนได้นั่นเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@sulemakaroglu

6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ช่วงแรกหลังเลิกดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ดังนั้น การออกกำลังกายถือเป็นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด เพราะการออกกำลังกายจะไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน ทำให้ร่างกายสดชื่น และตื่นตัวได้เป็นอย่างดี

จากข้อมูลเบื้องต้น พอจะเห็นได้ว่าคอกาแฟตัวยงแค่เสพติดคาเฟอีนเท่านั้น ซึ่งเป็นสารที่แทบไม่มีประโยชน์เลยหากเข้าสู่ร่างกายมากเกินความพอดี หรือแม้กระทั่งชา กาแฟ น้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มชูกำลังหลายๆ ชนิด ก็ล้วนเป็นแหล่งของคาเฟอีนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายหลายคนล้วนต้องการได้รับเพื่อกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว แต่หากใครที่รู้สึกว่าตนเองติดคาเฟอีนมากเกินไป และต้องการลดหรือเลิกติดคาเฟอีน DooDiDo แนะนำวิธีเบื้องต้นไปปฏิบัติตามดูนะคะ รับรองว่าคุณจะสามารถเลิกติดเครื่องดื่มเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.ifit4health.com