สารอาหารสำคัญที่สามารถช่วยบำรุงเลือด ป้องกันเลือดจางได้!!

WM

“เลือดจาง” หรือ ภาวะโลหิตจาง (Anemia) เกิดจากอะไร   

คุณลองสังเกตุตัวคุณเองว่ากำลังมีอาการเหล่านี้หรือไม่ ? เหนื่อยง่าย  อ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศรีษะ ซีด สมองช้า หลงลืมง่าย ขาดสมาธิ เบื่ออาหาร เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด และใจสั่น หากคุณมีอาการดังกล่าวอาจบ่งชี้ว่าคุณอยู่ในภาวะเลือดจางหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าภาวะซีด ซึ่งเกิดจากปริมาณของเม็ดเลือดแดงในร่างกายลดลง  

เลือดจาง หรือภาวะโลหิตจาง (Anemia) โดยทั่วไปเรียกกันว่าภาวะซีด คือภาวะที่ร่างกายมีจำนวนเม็ดเลือดแดงหรือความเข้มข้นของฮีโมโกลบินลดลงกว่าปกติ (ฮีโมโกลบิน คือสารสีแดงในเม็ดเลือดแดง) ซึ่งเม็ดเลือดแดงจะทำหน้าที่สำคัญในการนำออกซิเจนไปยังเซลล์และเนื้อเยื่อในอวัยวะต่าง ๆ หากร่างกายมีเม็ดเลือดแดงลดลงจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติได้หลากหลาย ตั้งแต่ วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ใจสั่น ผิวซีดหรือผิวเหลืองอาจส่งผลให้ไม่มีสมาธิ สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเลือดจางเกิดขึ้นได้หลายประการทั้งที่เป็นมาแต่กำเนิด และเพิ่งเป็นภายหลัง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/vector8diy-12462983/

เลือดจาง หรือภาวะโลหิตจาง (Anemia) เกิดจากอะไร   

เลือดจางเกิดได้จากหลายสาเหตุแบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้   

  1. การสร้างเม็ดเลือดแดงลง ซึ่งเป็นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

มีภาวะขาดวิตามินหรือแร่ธาตุที่จําเป็นต่อการสร้างของเม็ดเลือดแดงได้แก่ ธาตุเหล็ก, วิตามินบี 12, กรดโฟลิค เมื่อร่างกายได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุไม่เพียงพอจึงทำให้ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์ได้ ทำให้เกิดภาวะ โลหิตจางซึ่งโลหิตจาง หรือ เลือดจาง จากสาเหตุนี้จะพบมากที่สุด 

โรคเรื้อรังต่างๆเช่น ไตวายเรื้อรัง โรคเกี่ยวกับไขกระดูก หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น ภาวะของโรคเหล่านี้ส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยกว่าปกติ

  1. ความผิดปกติทางพันธุ์กรรมของเม็ดเลือดแดง โรคกลุ่มนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย

 โรคธาลัสซีเมียที่ถ่ายทอดจากทางกรรมพันธ์ทําให้เกิดภาวะโลหิตจาง 

 G-6-PD (ความผิดปกติทางพันธุกรรมทำให้พร่องเอนไซม์ในเม็ดเลือดแดง)

 การติดเชื้อบางชนิด  เช่น มาลาเรีย, คลอสติเดียม, มัยโคพลาสมา เป็นต้น

  1. สูญเสียเลือดเรื้อรังหรือเฉียบพลัน เช่น เลือดออกจากแผลอุบัติเหตุต่างๆ มีแผลในกระเพาะอาหาร ปัสสาวะปนเลือด บริจาคเลือด และการเสียเลือดจากประจำเดือน รวมถึงผู้ที่เสียเลือดเรื้อรังก็มักจะมีการขาดธาตุเหล็กตามมาด้วย

โลหิตจางรักษาอย่างไร

ทั้งนี้หากสงสัยว่ามีภาวะโลหิตจางควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคเพิ่มเติม ว่าเป็นโลหิตจางประเภทไหน เพื่อการรักษาที่ตรงจุด หากเป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กหรือแร่ธาตุที่จําเป็นซึ่งพบเป็นส่วนใหญ่ แพทย์ก็จะให้ยาที่เสริมสารอาหาร หรือ ธาตุเหล็ก เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการรักษาของแพทย์ที่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@theyshane

การปฎิบัติตัวเพื่อสุขภาพและการบำรุงเลือด

– นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

– ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ

– ผ่อนคลายความเครียดทำ กิจกรรมเพื่อให้ผ่อนคลาย เช่น การเล่นโยคะ

 -ลดการดื่มเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ที่จะไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกาย

– รับประทานอาหาร หรือ ผักที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กวิตามินบีและกรดโฟลิค (วิตามินบี 9 )

– ออกกำลังกายเบาๆ ไม่หนักเกินไป อย่าหักโหมจะทำให้ร่างกายเครียดและเกิดเลือดจางได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/cegoh-94852/

3 สารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบรูณ์

สำหรับผู้ที่รักสุขภาพหรือคนที่มีภาวะโลหิตจาง การดูแลตัวเองในเรื่องของการบำรุงเลือดเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งการเลือกรับประทานสารอาหารก็มีส่วนช่วยทำให้เลือดสมบูรณ์และเข้นข้น ซึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบรูณ์ประกอบไปด้วย ธาตุเหล็ก วิตามินบี12 และ กรดโฟลิค (วิตามินบี 9 ) ซึ่งเป็น 3สารอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างเม็ดเลือดเเดง หากร่างกายมี 3 ตัวนี้ไม่พอจะทำให้เกิดเลือดจางได้นั้นเอง 

ธาตุเหล็ก: เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง เมื่อขาดธาตุเหล็ก จึงทำให้เกิดภาวะเลือดจาง ร่างกายใช้ธาตุเหล็กเพื่อสร้างฮีโมโกลบินเพื่อลำเลียงออกซิเจนไปยังปอดและเลี้ยงอวัยวะต่างในร่างกาย ควรบำรุงเลือดด้วยแหล่งอาหารสำหรับธาตุเหล็ก ได้แก่เครื่องในสัตว์ (ตับและม้าม) เนื้อสัตว์ ไข่แดง หอย (หอยกาบ หอยนางรม หอยแมลงภู่) และถั่วต่างๆ ผักใบเขียว เช่นแอปริคอต และลูกเกด เป็นต้น 

วิตามินบี12 : มีความสำคัญในทำงานและการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และบำรุงระบบประสาท หากขาดวิตามินบี 12 จะทำให้มีภาวะเลือดจางที่เม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ควรบำรุงเลือดด้วยอาหารที่มีวิตามินบี12 สูงได้แก่ เนื้อ ปลา ไข่ นม ตับ รำข้าว ข้าวซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วหมัก (ถั่วเน่า) เต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว ผักใบสีเขียวแก่ เป็นต้น 

กรดโฟลิค (วิตามินบี 9 ) : เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการ จะช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลิตเซลล์ใหม่ให้มีสุขภาพดีทำงานร่วมกับวิตามินบี12 ควรบำรุงเลือดด้วยอาหารที่มีกรดโฟลิคสูง ได้แก่ผักใบเขียว เช่น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ ถั่วลันเตา หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้องลูกเดือย เป็นต้น 

เลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุสำคัญที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดจาง หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะส่งผลต่อเสียสุขภาพ ดังนั้น DooDiDo แนะนำว่าเราควรตะหนักและให้ความสำคัญคอยตรวจเช็กร่างกายเป็นประจำ และบำรุงเลือดให้สมบูรณ์อยู่เสมอด้วยความห่วงใยจาก 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: www.megawecare.co.th