มาดู!! 6 วิธีการทานขนมหวานยังไงให้เฮลท์ตี้

WM

6 วิธีที่คุณจะทานของหวานของโปรดได้และไม่ทำลายสุขภาพ

ปฎิเสธไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะคะว่าสำหรับหลายๆ คนแล้วก็จะมีของหวานเป็นอาหารโปรดอยู่ ก็เพราะเจ้าของหวานเหล่านี้จะสามารถช่วยให้คุณอารมณ์ดีได้ด้วย แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าถ้าหากกินของหวานนั้นเพลินไปแล้วล่ะก็ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณแน่นอนค่ะ แต่ถ้าหากว่าคุณอยากกินของหวาน จนไม่อยากหักห้ามใจแล้วล่ะก็ เราพอที่จะมีวิธีที่คุณจะทานของหวานของโปรดของคุณได้และไม่ทำลายสุขภาพของคุณมาบอกให้ทุกคนได้ลองไปทำตามกันดูค่ะ เผื่อว่าสาวๆ จะได้เลิกลงแดงจากการงดของหวานได้บ้าง

สำหรับคนรักสุขภาพแล้วถ้าเกิดว่าอยากกินของหวานแล้วล่ะก็อาจจะกำลังมองหาขนมที่ติดคำว่า “อาหารคีโต” กันอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอาหารคีโตนั้นก็เป็นอาหารของคนรักสุขภาพซึ่งรสชาติที่อร่อยก็มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีรสชาติที่ค่อนข้างจืดชืด ถึงแม้ว่าจะพยายามทานแทนของหวานสุดโปรดแล้ว แต่ลึกๆแล้วมันก็แทนกันไม่ได้อยู่ดี

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@miksbaum

S T E P 1 กินแต่พอดี

โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าอยากผอมต้องลดปริมาณการกินลงมาด้วย อาจจะลดลงสักครึ่งหนึ่งของปริมาณที่กินอยู่ ให้พอดีกับความอยาก หรือกินให้พอหายอยากนั่นเอง ไม่ควรกินแบบตบะแตก กินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนลงพุงแล้ว สุขภาพจะไม่ดีไปด้วยน้าา

S T E P 2 คำนวณแคลลอรีให้ดี

มาลองคิดๆ ดูแล้ว ปริมาณแคลลอรีที่คนคนหนึ่งควรได้รับต่อวันมันต่างกันนะ ของผู้หญิงอย่างเราจะอยู่ที่ประมาณ 1500-2000 แคลลอรีต่อวัน ถ้าอยากควบคุมอาหาร ก็ต้องกินให้น้อยกว่า 1700 แคลลอรีต่อวัน แต่อย่าลืมเด็ดขาด ! ว่าไม่ควรต่ำกว่า 1200 แคลลอรีต่อวันไม่อย่างนั้นระบบเผาผลาญจะทำงานผิดปกติ กลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดีเชียวล่ะ

S T E P 3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรามีสุขภาพดี การดื่มน้ำที่เพียงพอจะทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ผิวพรรณสดใส และเลือดหมุนเวียนได้ง่าย นอกจากนี้ การดื่มน้ำก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ยังทำให้สาวๆ รู้สึกอยากอาหารน้อยลง และหลังอาหารครึ่งชั่วโมงไม่ควรดื่มน้ำทันที เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยช้า เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ น้ำที่ดื่มไม่ควรเป็นน้ำร้อนหรือเย็นจนเกินไป น้ำอุ่นนิดๆจะดีที่สุด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/silviarita-3142410/

S T E P 4 ให้ผลไม้เป็นตัวช่วย

เวลาร่างกายโหยหาอะไรหวานๆ ก็จะนึกถึงแต่พวกเบเกอรี่ ขนมไทย อะไรพวกนี้ใช่ม๊าาาา แต่เราจะมา Change My Mind กัน ลองเปลี่ยนจากขนมเหล่านี้ เป็นผลไม้ที่โปรดปรานดู เพราะผลไม้มีน้ำตาลฟรักโทส ( Fructose ) ที่่รางกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที มีประโยชน์กว่ากันเยอะเลย ส่วนผลไม้บางอย่าง เช่น ทุเรียน มังคุด หรือเงาะ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะคะ เพราะปริมาณน้ำตาลสูงมาก ไม่ต่างกับกินขนมหวานเลย แต่การกินผลไม้ให้เฮลท์ตี้นั้น ก็ต้องกินแบบพอเหมาะพอควรอยู่ดี ไม่ควรกินชนิดเดียวกันซ้ำๆ และเลือกผลไม้สดแทนการหมักดอง หรือตากแห้ง

S T E P 5 ธัญพืชตอบโจทย์กว่า

นี่แหละประโยชน์ขั้นสุดด คุณค่าทางอาหารสูงมากมาย เปลี่ยนอาหารอ้วนๆ เป็นอาหารคลีนๆ ได้เลย ในเมื่อเลี่ยงขนมหวานไม่ได้ ก็กินแบบที่ให้อ้วนน้อยที่สุด จัดไปเลย! ข้าวกล้อง ข้าวโพด ขนมปังโฮลวีต ถั่วทั้งหลายแหล่ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แถมยังกินเป็นขนมหวานได้ด้วยนะเออ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/happyveganfit-13986952/

S T E P 6 เบิร์นออกให้มากกว่าที่กิน ตัวช่วยอีกอย่างที่สำคัญมาก กินไปเท่าไหร่ ก็ต้องเผาผลาญออกให้มากกว่า โดยสาวๆ อาจจะใช้วิธีออกกำลังกายในแบบของตัวเอง แต่ไม่หักโหมจนเกินไปนะ แค่วันละ 30 นาที – 1 ชั่วโมงก็เริ่ดแล้ว อย่าลืมฝึกทำให้เป็นประจำ จะได้หุ่นสวยเพรียวลม สุขภาพดี เหมือนที่คิดเอาไว้

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 6 วิธีที่จะทำให้เราได้ทานของหวานได้อย่างสุขภาพดี นี่เป็นวิธีที่คุณจะได้ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองได้และได้มีความสุขกับมันค่ะ เพียงเท่านี้แล้วสาวๆ ก็จะไม่ต้องลงแดงจากการขาดหวานแล้วล่ะค่ะ แล้วถ้าหากทุกคนได้ทำตามวิธีที่ DooDiDo นำมาแชร์ในวันอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ ทุกคนก็จะมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ และไม่ต้องทรมานตัวเองอีกต่อไป! ถ้าหากคุณชอบวิธีเหล่านี้ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ สายหวานทั้งหลายกันด้วยนะคะ เผื่อว่าสาวๆ เหล่านั้นอาจจะกำลังลงแดงกันอยู่ก็เป็นไปได้

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://today.line.me