มาดู 6 นิสัยความเป็นนักล่าของแมว ที่ทาสแมวต้องรู้?

WM

แมวแต่ละตัวก็จะมีความเป็นนักล่ามากน้อยแตกต่างกัน

ถ้าพูดถึงแมวต้องบอกเลยว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความอินดี้สูงมาก บางตัวก็ขี้อ้อนแบบสุด ๆ และบางตัวก็หยิ่งไม่ชอบให้เจ้าของมาวุ่นวาย แถมยังเป็นสัตว์เลี้ยงแสนซนที่ชอบปีนป่ายไปทั่วทุกพื้นที่ของบ้าน ทาสแมวรู้ไหมคะว่า น้องแมวมีความเป็นสัตว์นักล่ามาตั้งแต่ต้นกำเนิด ลักษณะและพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าแมวเหมียวที่เรานำมาเลี้ยงยังเป็นสัตว์นักล่า มีหลายรูปแบบซึ่งแมวแต่ละตัวมีความเป็นนักล่ามากน้อยแตกต่าง จะนิสัยอะไรยั้น มาดูกันค่ะ

ในบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่มนุษย์นำมาเลี้ยง แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ยังคงมีสัญชาตญาณของนักล่าอยู่มาก เพราะบรรพบุรุษของแมวมาจากสัตว์ป่าที่เป็นนักล่าเช่นเดียวกันกับสิงโตและเสือ ซึ่งอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร แม้ปัจจุบันแมวจะพัฒนาจากสัตว์ป่ามาเป็นแมวบ้าน มีเจ้าของเลี้ยงดูแต่สัญชาตญาณของความเป็นนักล่าก็ยังหลงเหลืออยู่ให้เราได้เห็น แมวแต่ละตัวก็จะมีความเป็นนักล่ามากน้อยแตกต่างจะมีอะไรบ้างนั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจกันค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/lequangutc89-14619215/

1.ชอบปีนป่ายกระโดดขึ้นที่สูง
การขึ้นที่สูงเป็นหนึ่งในนิสัยนักล่าเวลาที่แมวจะจับเหยื่อจะขึ้นที่สูงเพื่อคอยเฝ้าดูไม่ให้เหยื่อรู้ตัวหรือเวลาที่หนีจากสัตว์อื่นแมวจะกระโดดขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย ด้วยโครงสร้างทางร่างกายของแมวที่มีความคล่องตัวสูง มีกระดูกที่เบา กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงและยืดหยุ่นได้มากกว่าสัตว์อื่น ๆ แมวสามารถกระโดดสปริงตัวขึ้นที่สูงมาก ๆ ได้ และถ้าตกจากที่สูงกระดูกชิ้นเล็ก ๆ อยู่บริเวณหูชั้นใน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวของร่างกาย จะควบคุมให้ร่างกายค่อย ๆ พลิกตัวทีละส่วน โดยเริ่มบิดตัวจากส่วนหัวไปหาง เพื่อให้สมองคำนวณหาพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทิ้งตัวหมุนกลับเพื่อเอาเท้าลงพื้นได้อย่างปลอดภัย สัญชาตญาณแมว

2.แมวไม่ชอบเสียงดังหรือที่จอแจวุ่นวาย
เพราะแมวเป็นสัตว์ที่หูไวมากสามารถได้ยินเสียงที่มีคลื่นความถี่เสียงสูงมากและได้ยินเสียงในระยะไกลได้ดี แมวหูดีกว่ามนุษย์สามารถได้ยินเสียงดังมากกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า รูปทรงหูของแมวจะมีลักษณะคล้ายจานดาวเทียมภายในมีความโค้งและหยักไว้สำหรับรับสัญญาณเสียงต่าง ๆ และที่สำคัญแมวใช้ประสาทสัมผัสการฟังในการล่าเหยื่อ หูของแมวสามารถหมุนได้รอบทิศทางเพื่อคอยดักฟังเสียงทำให้ได้ยินเสียงร้องจากเหยื่ออย่างนก หนู จิ้งจก กระรอกหรือกระต่าย แม้ว่าเหยื่อจะหลบซ่อนอยู่ก็ตาม และความหูดีของแมวก็ทำให้แมวบางตัวขี้กลัวหรือหวาดระแวงเวลาได้ยินเสียงดัง ๆ ดังนั้นเจ้าของควรมีพื้นที่สงบที่เงียบ ๆ ให้แมวได้พักผ่อน และหลีกเลี่ยงการพาแมวออกไปที่มีความวุ่นวายเสียงดังเพราะอาจจะทำให้แมวตื่นตระหนกและเกิดความเครียดได้

3.กลางคืนไม่นอนปลุกเจ้าของตอนดึกชวนวิ่งเล่น
ในอดีตแมวล่าเหยื่อตอนกลางคืนเพราะแมวมองเห็นได้ในที่มืดรูม่านตาของแมวสามารถขยายได้กว้างเลยทำให้มีความไวต่อสัตว์หรือสิ่งของที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าในสภาวะที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืน แมวมีจำนวนเซลจอตารูปแท่งที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับสิ่งที่อยู่รอบนอกมากกว่ามนุษย์ 6-8 เท่า ที่เราเห็นตาแมวสะท้อนแสงตอนกลางคืนเกิดจากเซล tapetum lucidum ที่เรียงตัวอยู่ในชั้นถัดไปจากจอประสาทตา ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนแสงที่ผ่านเซลล์รูปแท่งและรูปกรวย กลับไปทางเซลล์รับแสงให้กลับไปที่จอประสาทตาอีกครั้ง ทำให้แมวมองเห็นได้ดีในเวลากลางคืนหรือในสภาวะที่มีแสงสว่างน้อย เมื่อแมวพัฒนามาเป็นแมวบ้านนิสัยล่าเหยื่อตอนกลางคืนก็ยังคงอยู่ วิธีแก้ไม่ให้แมวมาปลุกตอนกลางคืนก็คือการเพิ่มกิจกรรมช่วงกลางวันชวนแมวเล่นให้มากขึ้น จะช่วยให้แมวร้องกวนตอนกลางคืนน้อยลง และนอนหลับได้ยาวนานขึ้น

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/pexels-2286921/

4.ชอบซ่อนตัวหลบอยู่ในที่แคบ ๆ
เป็นสัญชาตญาณตั้งแต่สมัยที่แมวยังอยู่ในป่าแมวจะซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัย แมวใช้หนวดในการคำนวณพื้นที่เปรียบเสมือนเป็นเรดาร์ที่แมวใช้วัดความกว้างและความแคบของพื้นที่ที่จะเดินผ่านหรือเข้าไปหลบซ่อน ตามปกติหนวดแมวจะมีความยาววัดได้เท่ากับความกว้างของลำตัว และหนวดแมวทั้ง 2 ข้างจะมีจำนวนเท่านั้น หนวดแมวไม่ได้ขึ้นที่ใบหน้าบริเวณริมฝีปากเท่านั้น แต่ยังขึ้นที่คิ้วตรงบริเวณเหนือดวงตา ใบหู กราม และขาหน้าเวลาที่แมวเดินลอดผ่านที่แคบแมวมักจะจะใช้หัวมุดเข้าไปก่อนเพื่อเป็นการเช็คระยะว่าตัวจะสามารถลอดผ่านได้หรือไม่ และหนวดแมวยังเป็นอวัยวะพิเศษที่ใช้ในการรับความรู้สึก แมวใช้หนวดในการรับรู้แรงสั่นสะเทือนในอากาศได้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสลมเวลาที่แมววิ่งจับเหยื่อ และตรวจจับการเคลื่อนไหวของเหยื่อได้แม้อยู่ในที่มืด ใช้สำรวจสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เพราะฉะนั้นเราไม่ควรตัดหนวดแมว จะทำให้แมวงุนงงสับสนและหวาดกลัวเพราะไม่สามารถกะระยะได้ และตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ช้าลงจนใช้ชีวิตได้ไม่ปกติแบบเดิม

5.สัญชาตญาณแมว นิสัยแมว
กลิ่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมวรู้สึกว่าสิ่งนั้นน่ากินหรือไม่ แม้ว่าแมวจะไม่ได้เป็นสัตว์ที่ดมกลิ่นได้เก่งเท่ากับสุนัข แต่จมูกของแมวก็สามารถรับกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ เทียบกับขนาดตัวแล้วแมวมีโพรงจมูกที่ค่อนข้างใหญ่ ใหญ่กว่ามนุษย์ถึง 5 เท่าทำให้แมวมีเซลล์รับกลิ่นถึง 200 ล้านเซลล์ ดังนั้นเวลาแมวจะตัดสินใจเลือกกินอาหาร แมวจะใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นเป็นอันดับแรก แมวมักจะดมอาหารก่อนกินอยู่เสมอ

6.แมวเป็นสัตว์กินยาก
แม้ว่าแมวจะมีประสาทรับกลิ่นที่ดีแต่มีต่อมรับรสน้อยกว่า แมวมีต่อมรับรสเพียง 470 ต่อมเท่านั้น และรับรสได้เพียง 4 รสชาติคือ เปรี้ยว เค็ม ขม และหวาน ซึ่งรสหวานแมวจะรับรสได้น้อยมากๆ แมวจึงเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเลือกอาหารและกินยาก แมวเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณนักล่าอยู่ในตัวค่อนข้างมากโดยเฉพาะด้านการเลือกอาหาร ในอดีตแมวจะออกล่าและกินสัตว์อื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าตัวเอง อย่าง นก หนู หรือแมลง แต่ปัจจุบันแมวกลายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านทำให้พฤติกรรมด้านการกินก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป แต่เมื่อแมวต้องกินอาหารเม็ดแบบเดิมซ้ำ ๆ นาน ๆ บางครั้งก็ทำให้แมวเกิดอาการเบื่ออาหารขึ้นมาได้ แมวจะเริ่มกินยากมากขึ้น กินอาหารน้อยลงหรือไม่ยอมกินอาหารเลย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับลักษณะนิสัยที่บ่งบอกว่าน้องแมวนั้นเป็นนักล่า ซึ่งแมวแต่ละตัวมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันออกไป และนอกจากนี้การเลี้ยงดูก็มีส่วนทำให้น้องมีความเป็นนักล่าได้ด้วย แต่ DooDiDo  เชื่อว่า ไม่ว่าน้องแมวของเราจะมีนิสัยแบบใด เจ้าของต่างก็รักและดูแลน้องอย่างแน่นอน แล้วเจ้าเหมียวที่บ้านของคุณมีความเป็นนักล่ากันบ้างไหมคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.baanlaesuan.com