พ่อแม่ต้องระวัง! 9 คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว

WM

คำพูดจากปากของพ่อแม่ไม่กี่คำ ส่งผลกระทบยาวนานต่อความรู้สึกลูกได้

พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากเห็นลูกของตัวเองเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่น่ารัก เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่ด้วยความที่ลูกยังเด็ก ในบางครั้งอาจจะดื้อไปบ้าง ไม่เชื่อฟังที่พ่อแม่บอกบ้าง เหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่สำหรับพ่อแม่บางคนก็เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ต้องคอยใช้ำคำพูดเพื่อตักเตือนลูก สั่งสอนลูก ซึ่งในบางครั้งคำพูดที่พูดออกไปก็อาจทำให้ลูกเสียใจ บั่นทอนจิตใจลูกไปจนโตได้ค่ะ

คำพูดพ่อแม่นั้นมีอิทธิพลต่อลูกมาก ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพูด น้ำเสียง ลูกจะเติบโตมาอย่างไร คำพูดจากพ่อแม่ก็คือผลลัพธ์ที่ส่งผ่านมาถึงตัวเด็ก เมื่อเจ้าตัวเล็กของคุณพ่อคุณแม่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม บ่อยครั้งที่คำพูดว่ากล่าวจากพ่อแม่กลายเป็น คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก และทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว เพราะคำพูดนั้นอาจเป็นคำพูดที่แรงเกินไป มีทัศนคติในเชิงลบ เป็นคำตำหนิที่ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งคำพูดจากปากไม่กี่คำกลับส่งผลกระทบยาวนานต่อความรู้สึกลูกได้คุณพ่อคุณแม่ ควรเลือกคำพูดที่จะใช้สอนลูก ว่ากล่าวลูกอย่างระมัดระวัง และไม่ควรใช้คำพูดแบบนี้กับลูก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@scoutthecity

1.”ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง”
การบอกลูกว่าพฤติกรรมที่ลูกทำไม่เหมาะสม ไม่เป็นประโยชน์ แม้แต่การเปรียบเทียบว่าทำได้ไม่ดีเหมือนพี่ หรือเหมือนน้องตัวเอง ก็เป็นการดูถูกความเป็นตัวตนของลูก ทำให้ลูกรู้สึกน้อยใจและเสียใจที่พ่อแม่มองไม่เห็นข้อดี หรือความตั้บงใจในสิ่งที่ตนเองทำ ส่งผลทำให้ลูกกลายเป็นเด็กขาดความมั่นใจ ไม่กล้าที่ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งจะผลเสียต่อตัวเด็กในระยะยาว

2.”ทำแบบนี้ไม่มีใครรักหรอก”
คำว่า “พ่อแม่ไม่รัก” เป็นคำพูดที่บั่นทอนจิตใจลูกเป็นที่สุด เด็กที่ได้ยินพ่อแม่พูดบ่อยว่าจะไม่รัก หรือไม่มีใครรัก นอกจากจะทำให้ลูกเสียใจมาก ยังทำให้เด็กรู้สึกไม่มั่นคง กลัวว่าพ่อแม่ไม่รัก กลัวว่าพ่อแม่จะทิ้งไป ไม่สนใจ จนทำใหลูกไม่กล้าที่จะทำอย่างอื่นเพราะกลัวว่าถ้าทำไปแล้วไม่ดีพอ ไม่ถูกใจ พ่อแม่จะไม่รัก คำพูดนี้จะทำร้ายจิตใจของลูกอย่างมาก ถึงแม้ว่าคนเป็นพ่อแม่จะรักลูกจริง ๆ ก็ตาม

3.”รอให้พ่อกลับมาก่อนเถอะ”
ถ้าคุณแม่ไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกได้ บางทีการนำคำขู่มาใช้เพื่อแสดงถึงอำนาจให้ลูกกลัว เช่น “จะให้พ่อจัดการให้เข็ด” “ถ้าพ่อรู้เมื่อไหร่โดนแน่” ฯลฯ เมื่อขู่ด้วยประโยคเดิม ๆ ลูกก็จะรับรู้ได้ว่า นี่เป็นแค่คำขู่ และไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผลที่ตามมาคือลูกก็จะไม่สนใจคำขู่อีกต่อไปก็เป็นได้

4.”หยุดร้องไห้เลยนะ”
เด็ก ๆ มักจะระบายออกทางความรู้สึกด้วยการร้องไห้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก เมื่อถูกคุณพ่อคุณแม่ดุ หรืองอแงเอาแต่ใจตัวเอง การร้องไห้จึงเป็นวิธีช่วยป้องกันตัวจากความรู้สึกต่าง ๆ ได้ แต่การบอกให้ลูกหยุดร้องไห้ อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เพราะการร้องไห้ของเด็กจะทำให้ลูกรู้สึกปลอดโปร่ง และสบายใจขึ้น ดังนั้นหากเจ้าตัวเล็กกำลังเศร้าเสียใจ ไม่ควรไปบอกหรือห้ามเสียงดังว่าให้หยุดร้องไห้ แต่ควรมานั่งข้าง ๆ และโอบกอด แสดงความรัก ยอมรับความรู้สึกของลูก และเปลี่ยนจากการดุด่าเป็นคำพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@bruno_nascimento

5.”เด็กอะไรนิสัยไม่ดี”
เมื่อลูกทำผิดในเรื่องนั้น ๆ แต่กลับได้ยินคุณพ่อคุณแม่มาบอกว่า “นิสัยไม่ดี” อาจทำให้ลูกคิดว่าเป็นการตัดสินโดยภาพรวมมากกว่าสิ่งที่ทำผิดตรงหน้า ทั้งที่บางเรื่องอาจเป็นความผิดแค่เรื่องเพียงนิดเดียว คำพูดแบบนี้ก็จะสร้างผลกระทบต่อจิตใจลูกไม่น้อยเช่นกันค่ะ ดังนั้นเมื่อลูกทำผิดอย่าพยายามว่า “นิสัยไม่ดี” แต่ควรว่ากล่าวเฉพาะเรื่อง และควรพูดชมเชยเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมที่ดีนะคะ

6.”ทำเดี๋ยวนี้เลยนะ
โดยธรรมชาติของเด็กมักจะไม่ชอบการถูกบังคับ การออกคำสั่งกับลูกบ่อย ๆ เด็กบางคนถ้าถูกออกคำสั่งเสียงดังก็อาจจะไม่ยอมทำตาม ดื้อต่อต้าน เป็นผลทำให้พ่อแม่โมโหและใส่อารมณ์กับลูกมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ตามมาได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนคำพูดให้เป็นประโยคคำถามหรือเป็นการขอร้องให้ลูกช่วย หรือชวนลูกมาทำงานบ้านพร้อมกันมากกว่าตะโกนสั่งให้ลูกทำ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เห็นตัวอย่างและอยากทำด้วยตัวเองมากกว่าการถูกบังคับนะคะ

7.”หยุดเถียงเลยนะ”
เมื่อลูกโตขึ้น มีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การเจอลูกที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนตอนเล็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องหาได้ง่าย ๆ ของคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป บางครั้งที่พ่อแม่พูดไปอาจจะเจอลูกแสดงความคิดเห็นกลับมา เมื่อคุณพ่อคุณแม่เจอประโยคที่ไม่เห็นด้วย การออกคำสั่งให้ลูก “หยุดเถียง” ไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่ควรมีสติและเพิกเฉยเพื่อไม่ให้เกิดการโต้เถียงทั้งสองฝ่าย เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้วค่อยตามมาด้วยการฟังเหตุผลและคำแนะนำ

8.”จะไม่สนใจอีกต่อไป”
ถึงแม้การบอกให้ลูกทำอะไรซักอย่างในเรื่องเดิม ๆ นับสิบครั้งจะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกหงุดหงิด จนบางครั้งส่งผลต่ออารมณ์และพลั้งปากพูดไปว่า “จะไม่สนใจลูก” หากลูกไม่ยอมทำตามที่สอน คำพูดนี้จะส่งผลกระทบต่อจิตใจลูก ดังนั้นหากสิ่งที่บอกให้ลูกทำแต่ยังไม่ได้ผลดี ลองปรับเปลี่ยนคำพูดใหม่ พยายามใช้คำถามแบบเปิดให้มากขึ้นเพื่อจะได้รู้สาเหตุที่ลูกไม่อยากทำ เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้ช่วยกันหาทางออกมากกว่าใช้คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูกนะคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@ashtonbingham

9.”ทำไมสู้เด็กบ้านอื่นไม่ได้”
ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน และเราไม่ควรนำลูกไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น แต่เวลาโมโหอาจจะมีการพลั้งคำพูดที่ทำร้ายลูก และเป็นการสร้างความกดดันให้กับลูกได้ ทำให้ลูกรู้สึกอยากเป็นเหมือนคนอื่น ควรเปลี่ยนคำพูดเปรียบเทียบเป็นการให้กำลังใจกับสิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่ ส่งเสริมความสามารถที่ลูกถนัด และที่สำคัญคือการไม่เปรียบเทียบลูกคนหนึ่งกับลูกอีกคนหรือลูกของคนอื่นนะคะ

พ่อแม่คือโลกทั้งใบของลูก การที่ลูฏได้ยินคำเหล่านี้จากพ่อแม่นั้นจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างมากค่ะ ซึ่งบางทีอาจทำร้ายความรู้สึกของลูกได้โดยไม่รู้ตัว หากอยากให้ลูกเชื่อฟัง คุณพ่อคุณแม่ก็ค่อย ๆ คุยด้วยเหตุผล DooDiDo ไม่ใช้อารมณ์และคำพูดที่รุนแรงกับลูก เพื่อให้ลูกได้เข้าใจอย่างมีสติ มอบความรักความเข้าใจให้กับลูกมากว่าคำด่าและคำพูดที่ไม่ดีนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.amarinbabyandkids.com