“พิลาทิส” การออกกำลังกายแบบใหม่ ช่วยสร้างหุ่นสวยให้คุณผู้หญิงได้

ลองมาดูความแตกต่างระหว่างการออกกำลังกายแบบ”พิลาทิส” กับ”โยคะ”กัน

การออกกำลังกายที่มีประโยชน์ ชะลอความแก่ ความเสื่อมของสมรรถภาพทางร่างกาย ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น ยืดอายุให้ยืนยาว การออกกำลังกาย แบบพิลาทิส แบบกระแสการออกกำลังกายใหม่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่สาวๆ สมัยนี้ การออกกำลังกาย พิลาทิส เน้นการสร้างความแข็งแรงของบริเวณหน้าท้อง และกระดูกสันหลัง รวมถึงสร้างความยืดหยุ่นควบคู่ไปด้วยทั่วร่างกาย พิลาทิสอาจคล้ายกับโยคะ ซึ่งจะกระทบกระเทือนร่างกายน้อยที่สุด การเคลื่อนไหวนุ่มนวล เน้นใช้แรงจากกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย และหากใครต้องการลดน้ำหนักแต่ไม่อยากออกแบบคาดิโอ การลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังแบบ พิลาทีส เป็นการออกกำลังที่ดีอีกแบบ วันนี้เราอยากชวนหญิงสาวทุกคน มาออกกำลังกาย แบบใหม่ พิลาทิส สร้างหุ่นสวยให้คุณผู้หญิงเสริมบุคลิกภาพ

สไหรับสาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักการออกกำลังกายด้วยพิลาทิส ซึ่งถือเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ให้ผลดีแก่ร่างกายอย่างมาก และที่สำคัญยังเป็นการออกกำลังกายที่มีความคล้ายคลึงกับการเล่นโยคะอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากชวนให้ทุกคนได้มาลองทำความรู้จักกับการออกกำลังกายในรูปแบบนี้ พร้อมทั้งความแตกต่างระหว่างพิลาทิสกับโยคะกันค่ะ

พิลาทิสคืออะไร

พิลาทิส หรือ Pilates คือรูปแบบการออกกำลังกายที่เสริมสร้างความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว มีส่วนช่วยแก้อาการหลังแอ่นหลังค่อม และช่วยผ่อนคลายจิตใจได้ดี อีกทั้งยังเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่สามารถเล่นได้ในทุกเพศทุกวัยอีกด้วย และที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ คุณแม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถออกกำลังกายด้วยพิลาทิสได้เช่นกัน นอกจากนี้พิลาทิสยังช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายสง่างามและมีบุคลิกภาพที่ดี และยังเป็นการออกกำลังกายที่มีความปลอดภัยสูง เพราะจะเกิดการกระทบกระเทือนต่อร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมทั้งการเคลื่อนไหวในท่าทางยังมีความนุ่มนวลและต่อเนื่องอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

ความแตกต่างระหว่างพิลาทิสกับโยคะ

แม้ว่าการออกกำลังกายด้วยพิลาทิสกับโยคะจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังคงมีความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนดังนี้

1. ต้นกำเนิด
พิลาทิสเริ่มมีในต้นศตวรรษที่ 20 โดย Joseph Pilates เน้นรักษาความสมดุลของกระดูกสันหลัง ส่วนโยคะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณมากกว่า 5,000 ปี มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย เน้นฝึกจิตใจและคลายความเครียด

2. ความซับซ้อน
พิลาทิสจะเน้นที่ท่าออกกำลังกายให้ถูกต้องตามหลักกายวิภาค ซึ่งถือเป็นระบบที่ซับซ้อน ส่วนโยคะจะเน้นปรับสมดุลชีวิตและจิตใจมากกว่าเพียงแค่การออกกำลังกาย

3. การเน้นจุด
พิลาทิสจะเน้นที่การสร้างกล้ามเนื้อ สร้างความแข็งแรงของแกนกลาง และเสริมด้วยความยืดหยุ่น ส่วนโยคะจะเน้นที่การสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ

4. วิธีหายใจ
พิลาทิสจะมีรูปแบบการหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก ส่วนโยคะจะมีรูปแบบการหายใจเข้าและหายใจออกทางจมูกเท่านั้น

5. อุปกรณ์ที่ใช้
การออกกำลังกายด้วยพิลาทิสจะฝึกได้ทั้งบนเสื่อและบนเครื่องอุปกรณ์ ส่วนโยคะโดยส่วนใหญ่จะฝึกหรือเล่นบนเสื่อเท่านั้น

ประโยชน์ของพิลาทิส

ประโยชน์ที่ได้รับจากการออกกำลังกายด้วยพิลาทิสมีมากมายดังนี้

1. พัฒนาบุคลิกภาพ
เนื่องจากพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มความสมดุลให้ร่างกาย รวมทั้งการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของข้อต่อ อีกทั้งยังช่วยแก้อาการหลังแอ่น หลังค่อม และไหล่ห่อ จึงถือเป็นการช่วยพัฒนาบุคลิกของสาวๆ ให้ดีขึ้น

2. ลดน้ำหนัก
เนื่องจากพิลาทิสช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และยังเพิ่มมัดกล้ามเนื้อ ซึ่งเมื่อร่างกายมีกล้ามเนื้อที่มากขึ้นก็จะส่งผลให้เกิดการเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดี จึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้โดยปริยาย แม้จะไม่ช่วยลดน้ำหนักโดยตรง แต่เป็นการลดน้ำหนักในทางอ้อมที่มีประสิทธิภาพเลยทีเดียว

3. ป้องกันการบาดเจ็บ
เมื่อสาวๆ เล่นพิลาทิสเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เกิดการยืดหยุ่นส่วนต่างๆ และช่วยลดความตึงหรือการเกร็งของกล้ามเนื้อ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ ไปด้วย

4. บรรเทาอาการปวดหลัง
รูปแบบการออกกำลังกายด้วยพิลาทิสจะเน้นที่แกนกลางลำตัว ช่วงบ่า ไหล่ หลัง เอว และหน้าท้อง ดังนั้นการเล่นพิลาทิสบ่อยๆ ย่อมช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง พร้อมทั้งแก้อาการออฟฟิศซินโดรมได้ดีเช่นกัน

5. บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ
การเล่นพิลาทิสยังช่วยบรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ รวมทั้งโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย เพื่อความปลอดภัย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่ได้เห็นถึงข้อดีที่ได้จากการออกกำลังกายด้วยพิลาทิส เชื่อว่าต้องถูกใจสาวๆ กันอย่างมาก โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่มักเสี่ยงต่อการเป็นออฟฟิศซินโดรม ถือเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ควรพลาดเลยเดียว

การออกกำลังกายช่วยควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนขึ้น และรักษาระดับของน้ำหนักไว้ไม่ให้สูญเสียไป และเมื่อคุณเริ่มออกกำลังกาย ร่างกายก็เกิดการเผาผลาญแคลอรี่ ยิ่งออกกำลังกายหนักก็ยิ่งเผาผลาญได้มากขึ้นไม่ว่าคุณจะมีน้ำหนักตัวมากแค่ไหน DooDiDo แนะนำว่าเพียงการออกกกำลังกายขยับตัวสักนิด ช่วยกระตุ้นของเต้นของหัวใจให้เลือดหมุนเวียนได้อย่างราบรื่น ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ และยังช่วยแก้ความเครียดจากการทำงาน เพียงเดินเบาสัก 30 นาที จะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้นและผ่อนคลายมากขึ้นด้วยและเลือกทานอาหารให้ครบทั้งถ้วนทุกหมู่ ในปริมาณที่เหมาะในแต่ละวัน เพื่อร่างกายที่แข็งแรงนะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.sanook.com