“น้ำเอลเดอร์เบอร์รี่”จัดเป็นพืชสมุนไพรรักษาไข้หวัดได้เป็นอย่างดี

WM

“เอลเดอร์เบอร์รี่” ผลไม้มหัศจรรย์ยังช่วยในการบำรุงสายตา ปรับสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น

อัลเดอร์เบอร์รี่ หรือ ผลพวงไข่มุก(Elderberry) เป็นผลเบอร์รี่ที่ได้จากไม้พุ่มขนาดเล็กชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sambucus nigra โดยปกติแล้วไม้พุ่มชนิดนี้สามารถพบได้ในแถบอเมริกาเหนือและยุโรป ดอกมีสีเหลือง-ขาว ส่วนผลมีสีม่วง-ดำ อัลเดอร์เบอร์รี่จัดเป็นพืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของผู้คนในอดีต หลายประเทศในแถบยุโรปนำดอกอัลเดอร์เบอร์รี่มาเตรียม ในรูปน้ำเชื่อมเพื่อใช้รับประทานเป็นอาหารเช้า รวมทั้งการใช้ผลมาทำเป็นเครื่องดื่ม ไวน์ แยม น้ำผลไม้ และใช้เป็นส่วนผสมในมาร์ชแมลโล (Marshmallows) เป็นต้น

สารสำคัญในอัลเดอร์เบอร์รี่ อัลเดอร์เบอร์รี่ประกอบด้วยสารนานาชนิด อาทิเช่น เม็ดสีธรรมชาติ สารรสขมแทนนิน กรดอะมิโนรูติน เคอเซติน วิตามิน เอ บี และซี สำหรับสารที่เป็นพระเอกของอัลเดอร์เบอร์รี่นั้นจัดเป็นสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีปริมาณสูงซึ่งมีชื่อว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารนี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีเลิศ (Anti-oxidant) และยังเกี่ยวข้องกับการต้านอาการเจ็บป่วยต่างๆ ของร่างกาย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ritae-19628/

เอลเดอร์เบอร์รี่ มีประโยชน์อย่างไร ต่อร่างกาย
ผลของเอลเดอร์เบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอี วิตามินซี กรดฟีนอลิก (Phenolic acids) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) และแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) อยู่มากมาย ซึ่งสารอาหารที่มีประโยชน์จากธรรมชาติล้วนมีข้อดีที่อาจเข้าไปช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของคุณได้ ดังต่อไปนี้

1. รักษาอาการไข้หวัด
จากการศึกษาของผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดใหญ่จำนวน 60 คน พบว่าผู้ที่ทานน้ำสกัดจากเอลเดอร์เบอร์รี่ ในปริมาณ 15 ลิตร 4 ครั้งต่อวัน แสดงอาการที่ดีขึ้นในระยะเวลา 4 วัน ซึ่งต่างจากกลุ่มผู้ที่ได้รับการรักษาโดยไม่มีการทานผลเอลเดอร์เบอร์รี่ที่ใช้ระยะเวลา 7-8 วันกว่าร่างกายจะฟื้นฟู

2. ต้านสารอนุมูลอิสระภายในร่างกาย
เนื่องจากเอลเดอร์เบอร์รี่ มีฟลาโวนอยด์ และกรดฟีนอลิก ที่ทำหน้าที่เข้าไปเป็นตัวช่วยต้านสารอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี เพื่อปกป้องมิให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ขึ้น เพราะการที่ร่างกายมีปฏิกิริยานี้มากเกินไป อาจก่อให้คุณเกิดป่วยเป็นโรคร้ายแรงอย่างโรคเบาหวานชนิดที่2 และโรคมะเร็งได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ritae-19628/

3. บำรุงสุขภาพหัวใจ
ถึงจะยังไม่มีการวิจัยที่แน่ชัด และจำเป็นที่ต้องได้รับการวิเคราะห์ต่อไปในอนาคต แต่ยังคงมีการศึกษาหนึ่งพบว่าน้ำผลไม้จาก ผลเอลเดอร์เบอร์รี่ อาจช่วยลดระดับไขมันในเลือด และคอเลสเตอรอลได้ เนื่องจากมีสารอาหารประเภทฟลาโวนอยด์ แอนโทไซยานิน ที่มีส่วนช่วยในการปรับปรุงสุขภาพหัวใจลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ พร้อมทั้งยังช่วยลดความดันในโลหิตให้ลดลงอีกด้วย

4. ช่วยลดน้ำหนัก

เนื่องจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นี้ ถูกจัดว่าเป็นผลไม้ที่เผาผลาญไขมันที่ดี เพราะส่วนใหญ่จะมีกากใยสูง แต่มีแคลอรี่ต่ำ โดยการที่รับประทานผลไม้ อย่าง “เอลเดอร์เบอร์รี่” ที่มีไฟเบอร์สูง เพราะในผลเอลเดอร์เบอร์รี่ 100 กรัม จะให้ใยอาหาร (Fiber) ถึง 7 กรัม เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะทำให้เราจะรู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานขึ้น แถมยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดียิ่งขึ้น และช่วยลดคอลเลสเตอรอล จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/ritae-19628/

สารอาหารในเอลเดอร์เบอร์รี (Elderberry)

ใน“เอลเดอร์เบอร์รี” (Elderberry) อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่างๆมากมาย ดังนี้

  • สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ชื่อ Cyanidin-3-Sambubioside เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งเป็นสารสำคัญที่อยู่ในเอลเดอร์เบอร์รี ช่วยยับยั้งการเกาะติดของเชื้อไวรัสกับเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ชะลอการเติบโตของเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างดีเยี่ยม
  • เควอซิติน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต้านอาการอักเสบและภูมิแพ้ มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารฮีสตามีนที่เป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและภูมิแพ้ต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย รวมทั้งยังลดความเสี่ยงของโรคหัวใจอีกด้วย
  • รูติน มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และช่วยต้านอาการภูมิแพ้ได้ดี โดยปกติเมื่อสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะปลดปล่อยสารฮีสตามินซึ่งเป็นสารกระตุ้นการอักเสบ ทำให้หลอดลมตีบและมีอาการแพ้เกิดขึ้น รูตินมีสรรพคุณช่วยยับยั้งการหลั่งฮีสตามีนหรือทำให้เกิดช้าลงจึงช่วยให้อาการแพ้ต่างๆ ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดการเกิดลิ่มเลือด ทำให้หลอดเลือดฝอยและหลอดเลือดดำแข็งแรง จึงมีผลในการรักษาอาการฟกซ้ำดำเขียว ป้องกันหลอดเลือดเปราะแตกง่าย และช่วยลดอาการเส้นเลือดขอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • วิตามินเอ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสายตาช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดในตอนกลางคืน
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน
  • วิตามินบี 1,6,12 ช่วยในการดูแลระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ และช่วยเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว
    สารต้านอนุมูลอิสระใน “เอลเดอร์เบอร์รี” (Elderberry) ที่เป็นสารสำคัญออกฤทธิ์ทางชีวภาพได้แก่สารกลุ่ม Polyphenols และ Anthocyanins มีประสิทธิภาพสูงถึง 100 %โดยปริมาณของสารกลุ่มนี้ในเอลเดอร์เบอร์รี่นับว่ามีปริมาณสูงมากเมื่อเทียบกับเบล็คเบอร์รี ราสเบอร์รี บลูเบอร์รี หรือทับทิม ที่เป็นผลไม้ Superfood ชนิดอื่นๆ

และในช่วงนี้ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ เรายิ่งต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ดังนั้นหากมีเวลาว่างก็เดินเข้าห้างสรรพสินค้าหรือตลาดเพื่อแวะซื้อเอลเดอร์เบอร์รี่สดๆ มาแช่ตู้เย็นเก็บไว้รับประทานกันบ้าง แต่ DooDiDo ขอแนะนำไว้ในเบื้องต้นก่อนว่าการทานเอลเดอร์เบอร์รี่ควรทานอยู่ในปริมาณที่พอดี อย่างน้อยไม่เกิน 100 กรัม รวมทั้งการรับประทานสารสกัดจากใบ และดอกด้วย เพราะมิเช่นนั้น อาจส่งผลเสีย หรือผลข้างเคียงแก่สุขภาพของคุณได้นะค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา: https://hellokhunmor.com, https://sites.google.com/site/theberries5555