ข้อควรรู้!! ชาหรือกาแฟเราควรจะเลือกดื่มอะไรถึงจะดีกว่ากัน

WM

เครื่องดื่มชนิดไหนน่าดื่มกว่ากัน ระหว่าง”ชา” กับ “กาแฟ”??

สำหรับกาแฟและชา ถือเป็นเครื่องดื่มที่ยืนยงคู่กันมาช้านาน ในหลากหลายวัฒนธรรม หลังดื่มกาแฟบางครั้งก็มีชาร้อนๆ เป็นตัวตบท้าย แต่หากเราจะพูดถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ แน่นอนว่ารสชาติและสีสันก็แตกต่างกันอยู่แล้ว ทว่าในเรื่องความซับซ้อนที่เจาะลึกลงไปมากกว่านั้น คือในเรื่องของปริมาณสารที่มีในเครื่องดื่มกาแฟและชาว่าแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงปริมาณคาเฟอีนที่พบด้วยใครที่อยากรู้ว่าดื่มชาหรือกาแฟจะดีกว่ากัน ลองมาดูความเหมือนและแตกต่างกันดังต่อไปนี้กันได้เลย

เมื่อชา และกาแฟต่างก็เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมทั้งคู่ ดังนั้นหากจำเป็นจะต้องเลือก เราควรจะเลือกดื่มอะไรถึงจะดีกว่ากัน ในส่วนนี้จำเป็นจะต้องดูที่พื้นฐานสุขภาพของตนเองก่อนเป็นสำคัญ ถ้าหากเป็นผู้ที่มีอาการไวต่อคาเฟอีน การดื่มกาแฟอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่ากับการดื่มชา อย่างไรก็ตาม หากเป็นผู้ที่ไม่มีปัญหาต่อคาเฟอีน ก็สามารถที่จะดื่มได้ทั้งชาและกาแฟ โดยสามารถเลือกได้ตามความชอบหรือรสชาติที่ชื่นชอบ สิ่งสำคัญก็คือควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม และระมัดระวังเรื่องของน้ำตาล โดยเฉพาะผู้ที่ชอบดื่มชาและกาแฟชนิดหวาน เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้

ความเหมือนในความแตกต่างระหว่างชาและกาแฟ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/dannyphoto14-20926038/

พื้นๆ เลยสำหรับความแตกต่างระหว่างเครื่องดื่มทั้งสองชนิดที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และมีคนเป็นจำนวนมากที่หลงใหลไปกับการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ หากมองหาความเหมือนของชาและกาแฟ ก็คงหนีไม่พ้นสาร “คาเฟอีน” แม้จะไม่ใช่สารที่พบได้ในเครื่องดื่มทั้งสองเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นสารที่ทำให้ทั้งเครื่องดื่มทั้งสองกระตุ้นร่างกายเราให้รู้สึกตื่นตัวได้ ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิด สายพันธุ์และอีกหลากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

เมื่อทั้งชาและกาแฟล้วนมีคาเฟอีนเหมือนๆ กัน แน่นอนว่าประโยชน์ของมันก็ย่อมมีความแตกต่างกันไปด้วย ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าควรดื่มชาหรือกาแฟเป็นเครื่องดื่มหลักระหว่างวันจะดีกว่ากัน หากจะให้คำตอบกันแบบชัดๆ ก่อนตัดสินใจ ก็ต้งย้อนกลับไปตั้งแต่ในอดีตที่คนให้ความสนใจในเครื่องดื่มกาแฟจากทั่วโลกตกเฉลี่ยวันละ 1,600 ล้านแก้วต่อวัน แต่น่าตกใจไปกว่านั้นเมื่อชามีปริมาณคนดื่มต่อวันมากกว่าเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
เหตุผลที่คนหันมาดื่มชามากกว่ากาแฟ ก็เพราะความเชื่อที่ว่าชามีประโยชน์มากกว่ากาแฟ ซึ่งมีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่า เพราะเชื่อกันว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง จะทำให้รู้สึกกระหายน้ำบ่อย เนื่องจากร่างกายพยายามกำจัดเอาคาเฟอีนออกจากร่างกาย จึงมีการดึงน้ำออกด้วย แม้จะเป็นความเชื่อที่ไม่ตายตัวหาข้อพิสูจน์ไม่ได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/terric-4014469/

จนกระทั่งเวลาผ่านไปในปี ค.ศ.1928 จากอาสาสมัครที่ดื่มกาแฟและชาเหมือนๆ กัน พบว่าหลังตรวจวัดปริมาณปัสสาวะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เทียบกับปริมาณของน้ำที่ดื่มเข้าไป และระดับน้ำในร่างกายก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น แม้จะพบว่าคาเฟอีนมีคุณสมบัติหลักๆ ทำให้เรารู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบจนขนาดที่ทำให้เราสูญเสียน้ำในร่างกายขนาดหนักแต่อย่างใด มิลลิกรัม ส่วนชาจะมีคาเฟอีนอยู่ที่ 25-70 มิลลิกรัม จะเห็นได้ว่าปริมาณในชาพบได้น้อยกว่ามาก ดังนั้นคนที่มองหาตัวเลือกเพื่อสุขภาพ ก็อาจจะเลือกชาเป็นตัวเลือกแรก

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กาแฟก็มีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านอื่น แม้จะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า เราจึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่ากาแฟจะให้โทษหากดื่มในสัดส่วนที่ไม่ทำให้คาเฟอีนสูงจนเกินไป อย่างมากสุดวันละ 1-2 แก้วก็เพียงพอที่จะช่วยให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวพร้อมสำหรับการทำงานได้แล้ว พร้อมกันนี้ปริมาณคาเฟอีนที่พบในเครื่องดื่มทั้งสองชนิด ก็ไม่ได้หมายความว่ากาแฟจะมีคาเฟอีนมากกว่าชาเสมอไป เพราะชาบางประเภทก็มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟ เช่น ชาดำ รองลงมาคือชาเขียว และชาขาว เป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ พอรู้แบบนี้แล้วกันแล้วไม่ว่าจะเป็นการดื่มกาแฟหรือชา DooDiDo คิดว่าเราดื่มในสัดส่วนที่พอดี จะให้ประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากดื่มในปริมาณมากๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหารที่มาจากการดื่มชา โรคกระดูกพรุนจากการดื่มกาแฟ เป็นต้น

ขอบคุณแหล่งที่มา: www.coffeefavour.com