การเลือก”สีห้อง” มีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ลูกน้อย คุณแม่ต้องรู้?

WM

เด็กจะเริ่มสังเกตความแตกต่างของสีได้เมื่ออายุประมาณ 4 เดือน

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า  สี ถือเป็นเรื่องสำคัญของหนึ่งในพัฒนาการที่สำคัญของเด็ก ๆ เนื่องจากสายตาเป็นประสาทสัมผัสที่ลูกใช้ในการเรียนรู้มากที่สุด โดยคุณพ่อคุณแม่งสามารถใช้สี เพื่อเสริมการเรียนรู้ของเขาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ค่ะ เพราะสีเป็นตัวบอกถึงทักษะในการจำ การแยกสี การสื่อสาร กระตุ้นระบบประสาทและการมองเห็นของลูกด้วยสีต่าง ๆ ด้วย และ สี ยังมีผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูกอีกด้วยนะคะ

การเจริญเติบโตของลูกรัก นอกจากสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว พัฒนาการด้านต่าง ๆ ก็ต้องดีครบทุกด้านด้วยเช่นเดียวกัน อย่างพัฒนาการด้านการมองเห็น ที่มีความสัมพันธ์กับพัฒนาการทางอารมณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณแม่ต้องใส่ใจ นะคะ ก็เลยจะมาว่ากันด้วยเรื่อง “สี” ที่มีผลกับพัฒนาทางอารมณ์ บ่มเพาะความฉลาดทางอารมณ์ หรือ EQ ลูกน้อย มาดูกันค่ะว่าสีแต่ละสีจะมีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์อย่างไรบ้าง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/2081671-2081671/

เด็กจะเริ่มสังเกตความแตกต่างของสีได้เมื่ออายุประมาณ 4 เดือน โดยแยกเป็นแม่สีง่าย ๆ เพียงไม่กี่สี จากนั้นจะแยกสีได้เพิ่มขึ้นตามอายุ ดังนั้นสีของห้อง เฟอร์นิเจอร์ หรือของเล่นที่มีสีสันสะดุดตา เช่น สีแดง สีเหลือง สีชมพู จึงดึงดูดความสนใจจากเด็กได้มากกว่าสีที่จืด ๆ หรือมืดจนเกินไป

สีชมพู
สีหวาน ๆ ที่คุณแม่อาจจะคิดว่าเหมาะกับลูกสาวเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วสีชมพูเป็นสีที่สามารถมอบอารมณ์ที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าได้รับการโอบอุ้ม ถูกปกป้อง ขณะเดียวกันก็ยังทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ ช่วยเสริมความมั่นใจของเด็กด้วยนะคะ

สีเขียว
เป็นสีที่เป็นตัวแทนของธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังคงความร่าเริงแจ่มใส การตกแต่งห้องโดยใช้สีเขียวในโทนกลาง ๆ ที่ไม่เข้มไป ไม่อ่อนไป จะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้ยกธรรมชาติมาไว้ในห้องสี่เหลี่ยมที่บ้านเลยล่ะค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@seffen99

สีขาว
เป็นสีที่ดูสะอาดตา และยังให้ความรู้สึกสงบไปพร้อม ๆ กัน เป็นเหตุผลให้สถานรับเลี้ยงเด็กส่วนใหญ่เลือกตกแต่งห้องนอนเด็กด้วยสีขาวเป็นหลัก ซึ่งนอกจากสีขาวพื้น ๆ แล้ว คุณแม่สามารถเลือกเฉดสีที่แตกต่างกันไป เช่น สีครีม เพิ่มความรู้สึกอบอุ่น มาผสมผสานได้นะคะ

สีเหลือง
สีโทนอุ่นที่เต็มไปด้วยพลังงาน แต่ถ้าไปอยู่ผิดที่ผิดทางก็อาจทำให้ลูกคุณแม่อารมณ์เสีย กลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิดได้ง่ายกว่าปกตินะคะ สังเกตง่าย ๆ ถ้าลูกกำลังร้องไห้อยู่ในที่ที่มีสีเหลือง ไม่ว่าจะเป็นสีห้อง เฟอร์นิเจอร์ตกแต่ง หรือของเล่น จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ลูกร้องไห้งอแงหนักกว่าเดิม

สีม่วง
แนะนำเป็นสีโทนม่วงอ่อน สีประมาณสีม่วงลาเวนเดอร์ ผสมผสานร่วมอยู่กับสีโทนอุ่น เพราะว่าจริง ๆ แล้วสีม่วงนั้นจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างซับซ้อน ถ้าปล่อยไว้สีเดียวอาจจะทำให้เด็กเกิดความเครียดได้โดยไม่รู้ตัว

สีแดง /สีส้ม
สีสด ๆ ที่ถึงแม้จะเป็นสีที่ดึงดูดความสนใจของเด็ก แต่ในขณะเดียวกันก็อาจไปกระตุ้นความรู้สึกของเด็กมากเกินไป ทำให้หลับยาก เนื่องจากเป็นโทนสีที่สว่างมากไป แต่หากคุณแม่ชอบหรืออยากใช้ แนะนำให้ใช้ควบคู่กับสีแนวเอิร์ธโทน มาเพิ่มความซอฟต์ จะได้ดูสบายตาขึ้นนะคะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@sidekix

สีฟ้า
เป็นสีของความใจเย็น สงบสุข ผ่อนคลาย เหมาะกับการสงบสติอารมณ์ของเด็ก แต่สีฟ้าก็มีหลายเฉดสีนะคะ แนะนำให้คุณแม่เลือกใช้เป็นสีฟ้าอ่อนจะเหมาะกับเด็กมากกว่า และควรให้สีฟ้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสีโทนอุ่นรวมอยู่ด้วย เพราะถ้ามีแต่สีฟ้าเดี่ยว ๆ แม้จะโดดเด่น แต่ก็อาจจะทำให้เด็กรู้สึกซึมเศร้า หดหู่ได้

สีน้ำตาล
สีที่ดูคลาสสิก เรียบง่าย และยังกลมกลืนไปกับสีเอิร์ธโทน แต่หากใช้สีน้ำตาลโทนสีเข้มมากเกินไป จะทำให้เด็กรู้สึกไม่สดใสเพราะห้องดูมืดทึมเกินไปนะคะ

จากข้อมูลของสีแต่ละสีที่ DooDiDo นำมาฝากนั้น มีผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูกได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ดังนั้นการเลือกสีห้องจึงจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่จะต้องเลือกให้ดีค่ะ และคุณแม่ยังสามารถเลือกภาพติดผนังที่มีสีสันสดใส เพื่อเสริมพัฒนาการให้ลูกด้วยการแยกแยะสี และจำชื่อสีต่าง ๆ เพื่อนำมาสู่พัฒนาการททางด้านต่าง ๆ ของลูกได้ค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://happymom.in.th