การลงโทษลูก แบบไหนที่มีประโยชน์ต่อด้านพัฒนาการ

การลงโทษลูก 

การลงโทษลูก เพื่อให้เป็นเด็กดีหรือดังสุภาษิต “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ที่เราได้ยินกันมานานเป็นวิธีที่สร้างความกลัวและปมในใจลูก ซึ่งวิธีการตีไม่เหมาะกับการเลี้ยงลูกในปัจจุบัน การสอนลูกนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ด้วยสื่อและเทคโนโลยีที่ช่วยให้พ่อแม่เข้าถึงความรู้และความเข้าใจทางเลือกในการลงโทษลูกด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างการสนับสนุนต่อการเติบโตและพัฒนาการที่ดีของลูกตั้งแต่เด็กจนโต มาดูในบทความนี้กันว่าการลงโทษลูกแบบไหนให้ได้ผลและช่วยสร้างพฤติกรรมที่ดีของลูกได้ในระยะยาว

การลงโทษลูก 
รูปประกอบจาก istockphoto.com

การลงโทษลูก  หมายถึงอะไร

การลงโทษลูก  หมายถึง การตอบสนองด้วยวิธีที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองใช้เพื่อแสดงความไม่พอใจและปรับปรุงพฤติกรรมของลูก การลงโทษลูกมีหลายวิธีและรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง เช่น การตักเตือน, การตัดสิทธิ์, การให้งานบ้านเพิ่มเติม, การให้ลูกแก้ไข และอื่นๆ ซึ่งการลงโทษลูกควรทำอย่างมีสติและมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเรียนรู้และพัฒนาเด็กในทางที่เป็นประโยชน์ การใช้วิธีลงโทษควรเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาของเด็กในระยะยาว

ควรลงโทษลูกอย่างไรให้ได้ผล

วิธีการลงโทษลูกต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลที่เป็นประโยชน์และส่งเสริมพัฒนาการของลูก และช่วยสร้างพฤติกรรมที่ดีและสร้างมุมมองที่มีสติในระยะยาว เราควรมีการพิจารณาต่อไปนี้

  • การลงโทษลูกเป็นไปตามบทบาทของพ่อและแม่: พ่อแม่ควรเป็นต้นแบบที่ดีและให้ความสนับสนุนต่อลูก และควรเป็นส่วนหนึ่งของการสอนและพัฒนา ไม่ใช่การลงโทษเพียงเพื่อลงโทษ
  • ไม่ใช้การลงโทษลูกเป็นเครื่องมือ: การลงโทษควรเป็นเครื่องมือที่ใช้อย่างมีสติและเหมาะสม ไม่ควรให้โทษด้วยความโกรธหรือกลัว แต่ควรอธิบายเหตุผลให้เข้าใจลูก
  • การลงโทษลูกอย่างเป็นทางการและเพื่อการเรียนรู้: การโทษควรเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และมีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหา ต้องมีการอธิบายให้ลูกเข้าใจเหตุผลที่ลงโทษ
  • การลงโทษลูกทำเป็นระบบและสม่ำเสมอ: การลงโทษควรเป็นระบบและสม่ำเสมอ ไม่ควรมีการปรับลงโทษหรือยกโทษให้ทุกเรื่อง ลูกควรทราบถึงกฎและเกณฑ์การลงโทษล่วงหน้า
  • ต้องให้โอกาสในการปรับตัว: หลังจากลูกได้รับโทษแล้วควรมีโอกาสในการปรับตัวและปรับปรุงพฤติกรรม การสนับสนุนในกระบวนการเรียนรู้จากการลงโทษมีความสำคัญ
  • ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน: ควรให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ลูกไม่เข้าใจหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม และสนับสนุนในการพัฒนาทักษะและการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ไม่ควรลงโทษลูกแบบไหน

การที่จะลงโทษลูกควรพิจารณาในแง่มุมหลายประการเพื่อให้เป็นประโยชน์และไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก นี่คือบางข้อที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อต้องการลงโทษลูก

  • ด้วยความโกรธหรือกระทำที่รุนแรง: การใช้ความโกรธหรือการกระทำที่รุนแรงอาจสร้างความกลัวและความไม่เชื่อมั่นในการสื่อสารระหว่างผู้ปกครองกับลูก
  • ที่ไม่เหมาะสมกับพฤติกรรม: การลงโทษควรเป็นสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และไม่ควรเป็นมากเกินไป การลงโทษที่มีความเหมาะสมจะช่วยให้ลูกเข้าใจและรับรู้ผลที่เกิดจากพฤติกรรมของตนเอง
  • โดยไม่ให้คำอธิบาย: ควรอธิบายเหตุผลที่ลูกได้รับโทษอย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าทำไมเกิดการลงโทษนั้นๆ
  • ที่ไม่สม่ำเสมอ: การลงโทษควรเป็นทางการและสม่ำเสมอ ไม่ควรมีการปรับลงโทษ
  • การลงโทษลูกที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้: การให้โทษควรมีวัตถุประสงค์ในการสร้างการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ ไม่ควรให้โทษเพื่อลงเหยื่อหรือให้ผลกระทบทางลบ
  • ที่ไม่ให้โอกาสในการปรับตัว: หลังจากการลงโทษควรมีโอกาสในการปรับตัวและปรับปรุงพฤติกรรม การสนับสนุนในกระบวนการเรียนรู้จากการลงโทษมีความสำคัญ

เหตุผลที่นักจิตวิทยาไม่แนะนำให้ลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรง

นักจิตวิทยามักแนะนำให้ใช้วิธีการลงโทษลูกที่เป็นประโยชน์และสม่ำเสมอ เช่น การสนับสนุนการพัฒนาทักษะสังคม, การสื่อสารที่ชัดเจน, การให้โอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์ ทั้งนี้เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตและพัฒนาของเด็กอย่างเต็มที่ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงโทษลูกด้วยวิธีรุนแรงด้วยเหตุผลต่อไปนี้

  • สร้างความกลัวและเป็นทุกข์ใจ: การลงโทษลูกด้วยวิธีรุนแรงอาจสร้างความกลัวและเป็นทุกข์ใจในเด็ก ทำให้เด็กเสียสมาธิในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
  • ไม่สร้างความเข้าใจ: การลงโทษลูกด้วยวิธีรุนแรงอาจทำให้เด็กไม่เข้าใจเหตุผลหรือปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังการลงโทษ ซึ่งทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้หรือปรับตัวต่อการกระทำของตนเอง
  • สร้างปัญหาทางจิต: การลงโทษลูกด้วยวิธีรุนแรงอาจสร้างปัญหาทางจิตในเด็ก เช่น ความเครียด, ซึมเศร้า, หรือความไม่พอใจต่อตนเอง
  • ไม่สนับสนุนการพัฒนาทักษะสังคม: การใช้วิธีรุนแรงในการลงโทษไม่สนับสนุนการพัฒนาทักษะสังคมของเด็ก ซึ่งมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครอบครัวและชุมชน
  • ไม่สร้างการเรียนรู้: การลงโทษลูกด้วยวิธีรุนแรงไม่สนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ เด็กอาจไม่ได้รับความเข้าใจหรือไม่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์
  • สร้างวงจรลูปปัญหา: การลงโทษลูกด้วยวิธีรุนแรงอาจสร้างวงจรลูปปัญหาที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งทำให้เด็กมีความโกรธและต่อสู้กลับ

ข้อดีและข้อเสียของการลงโทษลูก

ข้อดีและข้อเสียในการการลงโทษลูกต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงโทษมีผลการทำงานที่เต็มที่และไม่ส่งผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อพัฒนาการของเด็ก

ข้อดีของการลงโทษลูก

  • สอนความรับผิดชอบ: สามารถสอนความรับผิดชอบและการตระหนักรู้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดจากพฤติกรรมของตนเอง
  • สร้างการเรียนรู้: เป็นวิธีที่สามารถสร้างการเรียนรู้ได้ โดยลูกสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และผลของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
  • สร้างโซนความปลอดภัย: สามารถให้ลูกรู้ว่ามีข้อกำหนดและเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม เป็นการสร้างโซนความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตประจำวัน
  • สร้างการเข้าใจถึงกฎเกณฑ์: ที่เป็นประสบการณ์สามารถช่วยให้ลูกเข้าใจกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติและมีการเข้าใจถึงการทำตามกฎเกณฑ์

ข้อเสียของการลงโทษลูก

  • เสี่ยงสูญเสียความไว้วางใจ: อาจทำให้ลูกสูญเสียความไว้วางใจในผู้ปกครองหรือผู้ดูแล
  • เสี่ยงสร้างความกลัวและความทนไม่ได้: ด้วยวิธีที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมอาจสร้างความกลัวและความทนไม่ได้ในลูก
  • เสี่ยงสร้างการทนต่ำ: บ่อยๆ หรือด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสมอาจสร้างการทนต่ำและความไม่สบายในความสัมพันธ์ระหว่างลูกและผู้ปกครอง
  • เสี่ยงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์: ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่เหมาะสมอาจไม่สามารถสร้างการเรียนรู้หรือปรับปรุงพฤติกรรมได้
  • เสี่ยงสูญเสียการสื่อสาร: อาจส่งผลให้การสื่อสารกับลูกทำได้ไม่ดี ทำให้ลูกไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกลงโทษ

บทสรุป

ควรพิจารณาการลงโทษลูกในสถานการณ์นั้นๆ ว่าใช้การลงโทษเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมหรือไม่ และถ้ามีการลงโทษจะต้องใช้วิธีที่เป็นประโยชน์และไม่สร้างผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อพัฒนาการของเด็ก พ่อแม่ควรทำในกระบวนการที่มีสติและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการรียนรู้ของลูก เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างพ่อแม่และลูก

 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : urmc.rochester.edu/allprodad.com/parentfromheart.com

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ และเกมส์ที่น่าสนใจได้ที่ : doodido.com