8 เคล็ดลับปรับเปลี่ยนนิสัย ไม่ให้ลูกกลายเป็นเด็ก “ขี้เกียจ”

WM

การที่ลูกไม่ยอมทำตามม่ได้แปลว่าลูกขี้เกียจ แต่เป็นพัฒนาการตามวัยในวัย 3-6 ปี

ความขี้เกียจของลูกเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักอกหนักใจให้คุณพ่อคุณแม่กันเกือบทุกบ้านเลยใช่ไหมคะ เพราะการที่ลูกของเรานั้นเป็นเด็กที่ขี้เกียจ จะทำให้พวกเขานั้นพลาดสิ่งดี ๆ พลาดโอกาสในการเรียนรู้ ซึ่งการที่ลูกไม่ยอมทำอะไรตามที่บอก ชอบนอน เล่นแต่เกมส์ทั้งวัน มีผลต่อการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต วันนี้เรามีวิธีที่ช่วยปรับเปลี่ยนนิสัย ไม่ให้ลูกกลายเป็นเด็ก “ขี้เกียจ” มาฝากค่ะ

เวลาบอกลูกให้ทำอะไรแล้วลูกไม่ยอมทำตาม พ่อแม่อาจมองว่าลูกเป็นเด็กขี้เกียจ แล้วทำให้หงุดหงิดลูกไปเลย จริง ๆ ที่ลูกไม่ยอมทำตาม ไม่ได้แปลว่าลูกขี้เกียจ แต่เป็นพัฒนาการตามวัย เป็นพฤติกรรมปกติที่เจอได้ในวัย 3-6 ปีค่ะ แต่ว่าถ้าปล่อยให้ลูกเป็นเด็กขี้เกียจจนเคยตัว นานวันเข้าอาจทำให้ลูกเป็นเด็กขี้เกียจจริงๆ ก็ได้ เรามาหาทางแก้ไขกันเถอะค่ะกับ 8 วิธีเปลี่ยนนิสัยก่อนลูกจะกลายเป็นเด็กขี้เกียจดังนี้ค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@carolinehdz

1. ใจเย็น ตั้งสติ มองข้ามท่าทีที่ลูกไม่เชื่อฟัง 
ไม่ต้องสนใจกับคำว่า “ไม่” หรือพฤติกรรมที่ลูกทำ แต่จัดการด้วยท่าทีที่สงบ เช่น เมื่อบอกให้ลูกไปอาบน้ำ แต่ลูกตอบกลับมาว่า“ไม่” พ่อแม่ควรบอกว่า “แม่รู้ว่าหนูไม่อยากอาบน้ำ แต่ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว ถ้าอาบน้ำเสร็จเราค่อยมาเล่นต่อนะคะ” ทำเช่นนี้ ลูกจะรู้สึกว่าเราเคารพในความรู้สึกของเขา ขณะเดียวกันพ่อแม่ยังคงยืนหยัดในสิ่งที่ลูกต้องทำได้ด้วย

2. ทำให้เป็นเรื่องสนุก
ไม่ว่ากิจกรรมนั้นจะเป็นอะไร ควรเน้นให้ลูกรู้สึกสนุก หรืออยากทำด้วยตัวเองก่อนบังคับ เช่น แม่อาจจะพูดว่า “เรามาเล่นเกมแข่งเก็บของเล่นดีกว่า ดูซิว่าใครจะเก็บของเล่นได้เก่งที่สุด” ควรพูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่เชื้อเชิญดูน่าสนใจ น่าสนุก การพูดเพียงเท่านี้เด็กก็ยอมทำแล้ว เพราะเขาเห็นว่าเป็นการเล่น ไม่ใช่เป็นกิจกรรมน่าเบื่อที่ต้องทำตามผู้ใหญ่สั่ง

3. เตือนล่วงหน้า หรือตกลงกันก่อน
การที่ลูกกำลังทำอะไรที่สนุกอยู่ แล้วพ่อแม่บอกให้หยุดทันที ลูกคงรู้สึกไม่พอใจ ดังนั้นถ้าสามารถเตือนหรือบอกล่วงหน้าก่อนได้ ควรบอกก่อน อาจจะเตือนล่วงหน้าเล็กน้อย ประมาณ 5 นาที และ 3 นาทีก่อนถึงเวลา เพื่อให้ลูกเตรียมใจ แต่ไม่ควรเตือนเกิน 3 ครั้ง เพราะการเตือนที่เกินกว่านี้ อาจทำให้พ่อแม่เริ่มหงุดหงิดแทน และลูกก็คิดว่าเราไม่เอาจริงด้วย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@kellysikkema

4. เข้าถึงตัวลูก
พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักใช้วิธีบอกให้ลูกทำโดยพูดเพียงอย่างเดียว ซึ่งลูกมักไม่ยอมทำตาม จนสุดท้ายต้องขึ้นเสียงหรือทะเลาะกัน ที่เป็นเช่นนี้ เพราะส่วนหนึ่งในเด็กเล็กอายุ 2-3 ปี ยังไม่สนใจกิจกรรมหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้นขณะที่บอก ลูกอาจไม่ได้สนใจคำพูดของเรา

ส่วนเด็กที่โตขึ้นมาอีกนิด ถ้าไม่ลุกไปทำทันที อาจเพราะรู้สึกว่ากำลังได้ต่อเวลา หรือยืดระยะเวลาที่ต้องไปทำตามที่เราบอก และเมื่อพ่อแม่จบด้วยการโมโห ลูกอาจไม่ต้องทำสิ่งนั้นก็ได้ เพราะผู้ใหญ่มักจะตัดรำคาญโดยการทำเอง

ดังนั้นวิธีที่จะช่วยได้ก็คือ เข้าถึงตัวและจับมือทำเลย เช่น ถ้าจะให้ไปอาบน้ำก็จับมือจูงไปอาบ หรือถ้าจะให้เก็บของเล่นก็จับมือลูกนำเก็บก่อน บางครั้งเมื่อเราเริ่มนำจับมือเก็บของเล่นไปสัก 2-3 ชิ้น ลูกก็จะเริ่มเก็บเองได้

5. ใช้สิ่งล่อใจ
พ่อแม่อาจหาอะไรมาเป็นสิ่งล่อใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น บอกลูกว่า “ถ้าหนูช่วยเก็บของเล่นจนเสร็จเราจะได้ไปปั่นจักรยานด้วยกัน” หรืออาจให้รางวัลเป็นสติ๊กเกอร์ หรือดาวก็ได้ รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถึงแม้มูลค่าไม่มาก แต่ได้ผลทางใจกับลูกมากเลยทีเดียว

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@gaberce

6. เมื่อทำดีก็ต้องชม
เมื่อลูกทำพฤติกรรมที่ดีด้วยตัวเอง เช่น เล่นของเล่นแล้วเก็บเข้าที่โดยที่ไม่ต้องบอก อย่าลืมชมลูกด้วยเพื่อลูกจะได้มีกำลังใจ

7. ให้ลูกมีตัวเลือก
วัยนี้ไม่ชอบถูกบังคับ พ่อแม่อาจไม่ต้องพูดถึงกิจกรรมที่ต้องทำ แต่ให้ตัวเลือกที่ลูกเลือกได้แทน เช่น เมื่อจะบอกให้อาบน้ำ บอกว่า “ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว หนูจะเอาของเล่นอะไรไปเล่นดี ระหว่าง…กับ…” การบอกแบบนี้บางครั้งลูกจะลืมไปเลยว่าไม่อยากอาบน้ำ เพราะมัวแต่สนใจเลือกของเล่นแทนและยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี การให้ตัวเลือกควรเป็นอะไรที่มั่นใจว่าจะให้ลูกได้ เรื่องที่ไม่อาจให้เลือกได้ไม่ควรถาม เช่น ไม่ควรถามว่า “หนูจะไปอาบน้ำหรือยัง” เพราะลูกจะรู้สึกว่าเลือกที่จะยังไม่อาบก็ได้

8. การลงโทษ
สุดท้ายถ้าลูกไม่ยอมทำตามจริง ๆ คงต้องมีการลงโทษที่เหมาะสมตามวัย แต่ต้องไม่ใช่การตีหรือใช้ความรุนแรงค่ะ เช่น งดเล่นของเล่น งดดูการ์ตูน เป็นต้น

ทั้ง 8 วิธีที่ DooDiDo นำมาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหนักใจกับความขี้เกียจของลูกในวันนี้ คงจะพอเป็นตัวช่วยให้ลูกของคุณดีขึ้นบ้าง เพราะถ้าหากปล่อยไว้ไม่รีบแก้ไข เมื่อลูกโตไปเป็นผู้ใหญ๋ เขาจะกลายเป็นคนที่ขี้เกียจ และไม่สามารถทำให้ชีวิตของเขามาีการพัฒนา และเดินทางไปสู่ความสำเร็จได้ค่ะ แต่วิธีการเหล่านี้คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกบ่อย ๆ จนให้ลูกคุ้นชินกันนะคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.rakluke.com