7 อาการที่แสดงว่าทารกอายุ 1เดือนหลังคลอดกำลังป่วย!!
ทารก 1 เดือนหลังคลอดต้องการการเอาใจใส่ดูแลอย่างมาก เนื่องจากร่างกายยังมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์
ทารกน้อยที่เพิ่งคลอดนั้นร่างกายยังมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ พ่อแม่จึงจำเป็นต้องดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนอนหลับ การขับถ่าย และการร้องไห้ของลูก เนื่องจากเด็กทารกไม่สามารถสื่อสารให้พ่อแม่เข้าใจได้ คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูความผิดปกติให้ดี โดยเฉพาะการเจ็บป่วยของลูก เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ต้องคอยสังเกตอาการต่าง ๆ เพื่อวินิจฉัยเบื้องต้นว่าลูกมีอาการป่วยหรือไม่
เด็กทารก 1 เดือนหลังคลอดนั้น ต้องการการเอาใจใส่ดูแล จากคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากร่างกาย ยังมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อลูกน้อยร้องไห้งอแง แต่ทำยังไงก็หาสาเหตุไม่พบ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับลูกน้อยของตัวเองกันแน่ การสังเกตสัญญาณเตือนว่า ลูกน้อยของคุณกำลังป่วยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ขอเพียงคุณพ่อคุณแม่เอาใจใส่ดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด ก็จะสามารถเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเจ้าตัวน้อยได้ไม่ยากเลย โดยส่วนใหญ่จะมี อาการแสดงว่าลูกป่วย ดังนี้
1. สำรอกและอาเจียน
การแหวะนมเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นภาวะปกติในทารกแรกเกิด เนื่องจากหูรูดกระเพาะอาหารยังทำงานได้ไม่ดี ทำให้รูดปิดไม่สนิท การอาเจียน หมายถึงมีน้ำนมออกมาจำนวนมากและอาจออกทางจมูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ต้องตกใจ สาเหตุมีได้หลายอย่างแต่โดยมากมักเกิดจากวิธีป้อนนมที่ไม่ถูกต้อง หรือให้นมมากหรือน้อยเกิน การทำให้เด็กแรกเกิดเรอหลังให้นมเป็นการช่วยลดการสำรอกและอาเจียนได้ แต่ถ้าลูกของคุณอาเจียนทุกครั้งหลังกินนม อาเจียนมากกว่าห้าครั้งต่อวัน หรือไอหลังจากกินนม ก็เป็นไปได้ว่าระบบทางเดินอาหารมีอาการผิดปกติ หรือเกิดการติดเชื้อขึ้น ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพาไปพบแพทย
2. สะดือมีกลิ่นเหม็น มีหนองหรือเลือดออก
ปกติจะหลุดภายใน 7-10 วันหลังคลอด ช่วงที่สะดือยังไม่หลุด ควรใช้ 70 % Alcohol เช็ดให้้ลึกถึงรอยต่อระหว่างสะดือและตัวเด็ก ต้องเช็ดให้รอบโดยวนไปทางเดียวกันหลังอาบน้ำ สะดือที่ใกล้หลุด อาจจะมีกลิ่น หรือมีเลือดเก่า ๆ ออกมาได้ ให้ใช้ 70 % Alcohol เช็ดบ่อย ๆ จนกว่าสะดือจะหลุด และแห้งสนิทจึงเลิกเช็ด ไม่ใช้แป้งโรยบริเวณสะดือ หากสะดือมีกลิ่นเหม็น มีหนอง เลือดออก หรือเกิดการอักเสบ ควรรีบพาไปพบแพทย์
3. การขับถ่ายผิดปกติ
ไม่ว่าจะเป็นท้องเสีย ท้องผูก หรือท้องอืด และผายลมบ่อย ร่วมกับมีไข้ งอแง ไม่ถ่าย ไม่ผายลมเลยนาน 2-3 วัน หรือถ่ายอุจจาระมากกว่า 1 ครั้งหลังกินนมแต่ละรอบ มีอุจจาระเหลวปนน้ำ หรือมีมูกเลือดปน อุจจาระมีกลิ่นแรงกว่าปกติ หรืออาเจียน ก็เป็นสัญญาณว่า ลูกน้อยของคุณอาจมีปัญหา ในระบบการย่อยอาหารที่รุนแรง และควรรีบพาไปพบแพทย์
4. ตัวเหลือง
เด็กแรกเกิดจะมีอาการตัวเหลืองสัปดาห์แรกหลังคลอด เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงและมีสารเหลืองออกมา แต่กำจัดสารเหลืองได้ช้า เนื่องจากการทำงานของตับยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดภาวะตัวเหลือง เราอาจสังเกตอาการตัวเหลือง โดยใช้นิ้วกดหน้าอก และฝ่าเท้า หรือ ดูที่ตาขาว ถ้าสีผิวเหลืองมากจนคล้ายขมิ้น หรือมีอาการเหลืองนานกว่า 14 วัน โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ ควรรีบพาไปพบแพทย์ เพราะลูกของคุณอาจมีอาการผิดปกติ ชักเกร็ง และพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติได้
5. มีไข้
อุณหภูมิปกติของเด็กทารกจะอยู่ที่ 36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส ถ้าวัดอุณหภูมิได้ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ก็แสดงว่าเจ้าตัวน้อยมีไข้แล้ว และมักมีอาการร่วม เช่น ซึม ไม่ยอมดูดนม กระสับกระส่าย หรือร้องตลอดเวลา ให้รีบเช็ดตัวลดไข้ทันที ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ไม่แนะนำให้ใช้ยาลดไข้ในเด็กอายุน้อยกว่า 1 เดือน ให้รีบพาไปพบแพทย์ เพราะลูกอาจชักได้
6. ลักษณะการดูดนมเปลี่ยนไป
การดูดนมก็สามารถบอกได้เช่นกันว่าเจ้าตัวน้อยป่วยอยู่หรือไม่ โดยปกติเด็กทารกจะใช้เวลาดูดนมไม่เกิน 30 นาทีแล้วหลับ ก่อนจะตื่นขึ้นมาดูดนมในครั้งต่อไป หากผิดไปจากเดิม เช่น ดูดนมได้น้อยลง ซึม ร้องไห้งอแง หรือใช้เวลาดูดนมนานกว่าปกติ หรือดูดนมแล้วมีอาการหอบ ก็เป็นไปได้ว่าลูกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ควรรีบพาไปพบแพทย์
7. เสียงลมหายใจผิดปกติ
อาการแสดงว่าลูกป่วย ที่น่าตกใจ และต้องรีบด่วน คือถ้าสังเกตเห็นว่าลูกของคุณหายใจลำบาก หายใจเสียงดัง หรือหายใจถี่มากหรือไม่ อาการเหล่านี้บ่งบอกว่า เจ้าตัวน้อยหายใจได้ไม่สะดวก และอาจมีสิ่งติดขวางทางเดินหายใจอยู่ ให้รีบตรวจดูคอและจมูกของลูก หากไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ลูกก็ยังหายใจไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์
ทั้ง 7 อาการที่ DooDiDo นำมาบอกกล่าวคุณพ่อคุณแม่นี้ เป็นอาการที่บ่งบอกว่าทารกน้อยของคุณพ่อคุรแม่กำลังป่วยค่ะ ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันทีนะคะ อย่าละเลยเด็ดขาด อย่าลืมพาลูกไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคอื่นๆ ตามมา หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านและไม่พาเขาไปในที่ที่มีคนมากนะคะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อนะคะ
ขอบคุณแหล่งที่มา : www.mamykid.com
