7 พฤติกรรมของพ่อแม่ ที่ส่งผลเสียต่อลูกมากกว่าที่คิด

พฤติกรรมของพ่อแม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ และลักษณะนิสัยในอนาคตของลูก

ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อแม่ก็มักอยากจะส่งเสริมและผลักดันลูกให้เป็นคนดี มีอนาคตที่ดี พ่อแม่ทุกคนต่างก็คาดหวังในตัวลูกกันสูงมาก ยิ่งในปัจจุบันที่การแข่งขันสูงขึ้น พ่อแม่ต่างก็พยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต แต่พ่อแม่คะเราก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม บางครั้งมันก็มีผิดพลาดเผลอทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของลูกไปโดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจะพามาดูพฤติกรรมของพ่อแม่ที่ลูกไม่ชอบและส่งผลเสียต่อลูกมากกว่าที่คิด

พฤติกรรมของพ่อแม่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ และลักษณะนิสัยในอนาคตของลูกได้มากกว่าที่คิด ดังนั้น จึงขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาสำรวจว่าตัวเองกำลังมีพฤติกรรมเป็นพ่อแม่แบบที่ลูกไม่อยากได้หรือเปล่า แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมเลี้ยงลูกด้วยความรักและความปรารถนาดี อยากจะให้ลูกเติบโตขึ้นมามีชีวิตที่ดี ซึ่งการเลี้ยงลูกก็ควรอยู่บนทางสายกลางที่ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป แต่ว่ามีการเลี้ยงลูกอยู่บางประเภทค่ะ ที่ส่งผลเสียต่อลูกมากกว่าที่คิด เหมือนกับคำว่า “พ่อแม่รังแกฉัน” เราไปดูกันดีกว่าว่าประเภทของพ่อแม่รังแกฉันมีอะไรบ้าง หากสังเกตว่าตนเองแอบมีขาข้างหนึ่งก้าวไปในพฤติกรรมนั้น เราก็มีวิธีการปรับการเลี้ยงลูกมาฝากด้วยค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@omarlopez1

1. พ่อแม่ที่ชอบเปรียบเทียบ
เชื่อว่ามีพ่อแม่หลายคนที่มักจะนำข้อดีของลูกคนอื่นมาเล่าเปรียบเทียบให้ลูกตัวเองฟัง อาจเป็นเพราะความหวังดีและอยากให้ลูกมีพฤติกรรมดีๆ แบบนั้นบ้าง แต่การเปรียบเทียบไม่ได้ช่วยให้ลูกมีนิสัยที่ดีขึ้น ในทางกลับกันกลับจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กขี้อิจฉาคนอื่น มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา ทำให้เด็กรู้สึกกดดันและมีปมด้อยได้ในอนาคต

2. พ่อแม่จอมเผด็จการ
พราะอยากให้ทุกอย่างเป็นดังใจ ดังนั้นพ่อแม่ประเภทนี้มักจะอยากให้ลูกเชื่อฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการอย่างเคร่งครัด โดยไม่สนใจความต้องการหรือความรู้สึกของลูก หากลูกต้องเจอสถานการณ์นี้บ่อยๆ จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ตัดสินใจเองไม่เป็น และกดดันตัวเองมากเกินไป

3. พ่อแม่ที่ไม่สนใจใยดีลูก
ทำงานกลับบ้านมาก็เหนื่อย อยากจะพักผ่อนให้หายเหนื่อย ทำให้ละเลยหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ที่ดีหรือบางครั้งทำงานจนไม่มีเวลาพูดคุยกับลูกเลย
การที่พ่อแม่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่มีเวลาให้กับลูก จะทำให้เขามีปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ขาดความรักและความผูกพันธ์กับครอบครัว

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@kelli_mcclintock

4. พ่อแม่ขี้กลัวเกินเหตุ
เพราะลูกเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อ และโลกใบนี้เต็มไปด้วยอันตราย จึงทำให้พ่อแม่เกิดความรู้สึกกลัวที่จะสูญเสียลูกไป คิดหวาดระแวงทุกสิ่งทุกอย่างแทนลูก ไม่ยอมปล่อยให้ลูกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเอง เมื่อพ่อแม่รู้สึกวิตกกังวลมากเกินกว่าเหตุ จะพลอยทำให้ลูกรู้สึกวิตกกังวลไปด้วย การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนหวาดกลัวเกินกว่าเหตุ มองโลกในแง่ร้าย ไม่มีความสุขกับชีวิต และขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง

5. พ่อแม่เจ้าระเบียบเกินไป
พ่อแม่ประเภทนี้จะรู้สึกมีความสุขมากเมื่อเห็นบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของต้องวางเป็นที่เป็นทาง ถ้าหากลูกทำบ้านรกจะโกรธและตำหนิลูกอย่างรุนแรง
นิสัยความเจ้าระเบียบจะทำให้พ่อแม่คอยจู้จี้จุกจิกกับลูกตลอดเวลา และทำให้ลูกมีปมด้อย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี และรู้สึกผิดหวังที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจพ่อกับแม่สักอย่าง และกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความหยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต

6. พ่อแม่อารมณ์ไม่คงที่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
สำหรับมนุษย์พ่อแม่การมีหลากหลายอารมณ์ ตอนเช้าอารมณ์ดี ลูกกินข้าวหกเลอะเทอะก็ไม่ว่า แต่พอตอนเที่ยง ลูกกินข้าวหกเลอะเทอะเหมือนเดิม พ่อแม่กลับแสดงอารมณ์โมโหและต่อว่าลูก จนทำให้ลูกไม่เข้าใจว่า ทั้งที่ทั้งสองเหตุการณ์คล้ายกัน แต่ทำไมพฤติกรรมของพ่อแม่ที่แสดงออกมาถึงไม่เหมือนกัน เมื่อพ่อแม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่สม่ำเสมอกับลูก จะทำให้ลูกเกิดความรู้สึกสับสน ไม่เชื่อใจพ่อกับแม่ และไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง (Low Self-Esteem) ซึ่งจะส่งผลให้กลายเป็นเด็กอ่อนไหวต่อคำวิจารณ์ เศร้าเสียใจ วิตกกังวลง่าย ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@scoutthecity

7. พ่อแม่ขี้บ่น
เมื่อลูกไม่ยอมทำตามคำสั่ง จนทำให้พ่อแม่คอยพูดย้ำเตือนบ่อยครั้ง เผลอบ่นระบายอารมณ์มากเกินไป ซึ่งการบ่นมักจะมาพร้อมน้ำเสียงและถ้อยคำตำหนิแฝงอยู่ ทำให้เด็กๆ ที่ถูกบ่นไม่ชอบและรู้สึกไม่ดีที่ถูกพ่อแม่บ่นบ่อยๆ การบ่นมากเกินไป จะทำให้ลูกมีพฤติกรรมต่อต้าน ไม่ยอมทำตามที่พ่อแม่บอก หรือร้องไห้อาละวาด ขว้างปาสิ่งของ กลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ขี้หงุดหงิด และมีอารมณ์รุนแรง

เพราะลูกต้องการความรัก การเอาใจใส่จากพ่อแม่  ดังนั้น พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อย่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมทั้ง 7 ข้อตามที่ DooDiDo เพื่อให้ลูกไม่ต้องรู้สึกสับสน หวาดกลัว ลูกจะได้เกิดความสบายใจ ความเชื่อใจ  ทำให้ลูกเปิดใจทีจะยอมคุยกับพ่อแม่ทุกเรื่อง เพียงเท่านี้คุณก็จะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ดีได้ ครอบครัวน่ารัก อบอุ่นได้อย่างง่าย ๆ ค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.parentsone.com, https://aboutmom.co