5 สัญญาณอันตราย ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์ด่วน

WM

การสำรวจตัวเองเพื่อสังเกตอาการต่าง ๆ จึงเป็นวิธีที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่ควรพลาด

ในขณะที่ตั้งครรภ์แน่นอนว่าคุณแม่หลายคนคงจะเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องจากเป็นห่วงถึงสุขภาพแล้วความปลอดภัยของลูกน้อยที่อยู่ในท้อง ทำให้คุณแม่หลายคนต้องคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของตัวเองในแต่ละวัน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีที่คุณแม่ควรทำค่ะ เพราะถ้าหากคุณแม่ละเลย ไม่ได้ใส่ใจกับอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลเสียต่อทารกน้อยในครรภ์และตัวของคุณแม่ได้ค่ะ วันนี้เราจะพามาดูสัญญาณอันตราย ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์ด่วน

ช่วงของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักได้รับผลข้างเคียงจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ลักษณะอาการบางอย่างจึงเป็นเหมือนเรื่องปกติที่พบได้อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีบางอาการที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะครรภ์ผิดปกติ อาการอะไรบ้างที่แสดงถึงความผิดปกติของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพื่อให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและปลอดภัย การสำรวจตัวเองเพื่อสังเกตอาการต่าง ๆ จึงเป็นวิธีที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่ควรพลาด เพราะบางอย่างแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็อาจจะเป็นอันตรายตามมาได้ในอนาคต โดยสัญญาณความผิดปกติที่เกิดขึ้นจะมีอะไบ้าง และมีวิธีการสังเกตอย่างไร ไปดูกันเลย โดยเฉพาะ 5 สัญญาณอันตรายนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์เมื่อไหร่…ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน!!

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@berlinboudoir

1.มีเลือดออกทางช่องคลอด
ไม่ว่าเลือดที่ออกมาทางช่องคลอดจะน้อยหรือมาก…ก็ไม่ควรเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ โดยหากมีอาการเลือดออกร่วมกับปวดท้องในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ อาจเกิดจากการแท้งหรือภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่หากมีอาการปวดท้องร่วมกับมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นสัญญาณเตือนของการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้น ทางที่ดีควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัยต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์

2.ปวดหัวบ่อย ตาพร่ามัว
เพราะช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนของคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงจนมักทำให้มีอาการปวดหัวบ่อยๆ รวมไปถึงความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ในอีกแง่หนึ่ง อาการปวดหัวนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนจาก “ภาวะครรภ์เป็นพิษ” โดยลักษณะของอาการปวดหัวนั้น จะปวดบริเวณขมับ ปวดร้าวที่หน้าผาก ร่วมกับอาการตาพร่ามัว ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ก่อนอาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต

3.ตัวบวม แขนขาบวม เท้าบวม
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการบวมบริเวณหลังเท้าไม่มากนักอาจไม่ผิดปกติอะไร เพียงแค่เกิดจากการเดินหรือยืนนานๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีอาการใบหน้าบวม ข้อเท้า มือ ขาทั้งสองข้างบวม กดแล้วบุ๋ม อาจเป็นสัญญาณอันตรายจากภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือ “ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์” ซึ่งควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด ก่อนคุณแม่ตั้งครรภ์จะเกิดอาการชัก…ที่เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/cparks-1593059/

4.ปวดท้อง ปวดหลังร้าวไปถึงก้นกบ
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการปวดท้องเป็นพักๆ ร่วมกับอาการปวดหลังร้าวลงไปที่ก้นกบ มีอาการน้ำเดิน หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดก่อนถึงสัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์… อย่านิ่งนอนใจ เพราะนี่เป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากว่าทารกที่คลอดออกมาอาจไม่สมบูรณ์ ทำให้ต้องอยู่ในตู้อบหรือได้การรับการดูแลนานเป็นพิเศษ

5.กระหายน้ำมาก และมีเหงื่อออกมาก
เมื่อของเหลวในร่างกายของคุณแม่ถูกถ่ายเทไปให้ทารกตัวน้อยในครรภ์อาจก่อให้เกิดภาวะขาดน้ำ คุณแม่จึงรู้สึกกระหายน้ำได้ตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่รู้สึกกระหายน้ำผิดปกติและมีเหงื่อออกมาก อาจสันนิษฐานได้ว่า…คุณแม่ตกอยู่ในช่วงภาวะของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา เพราะอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ เพราะการฝากครรภ์และเข้าพบแพทย์ตามกำหนดนัดหมายทำให้คุณแม่และลูกน้อยได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ไม่เพียงช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ แต่การตรวจพบความผิดปกติอื่นๆ ได้เร็ว ยังช่วยให้ได้รับการรักษาเร็ว ผลกระทบต่อคุณแม่และทารกก็จะลดน้อยลง

ทั้ง 5 อาการที่ DooDiDo ได้นำมาบอกกล่าวสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ในวันนี้ เป็นสัญญาณของความผิดปกติขณะตั้งครรภ์ที่คุณแม่ไม่ควรละเลย หากมีอาการดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและตรวจอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์และตัวของคุณแม่เองนะคะ ในช่วงที่กำลังท้องคุณแม่ต้องระมัดระวังและต้องดูแลตัวเองให้มาก ๆ เพื่อที่ลูกน้อยนจะได้ปลอดภัยและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั่นเองค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.paolohospital.com, https://cryoviva.com