5 วิธีเสริมสร้างความเก่งและความแกร่ง ให้ลูกอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้

WM

พ่อแม่ควรฝึกลูกให้ทำให้ได้ก่อน 3 ขวบ นั่นคือการที่ให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้

พ่อแม่ทุกคนต้องการให้ลูกเป็นเด็กที่เก่ง และฉลาด เพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตได้ จะดีแค่ไหนหากลูกของเราสามารถช่วยเหลือและดูแลตัวเองได้ แต่การจะให้ลุกเป็นคนเก่ง ฉลาดและมีความแข็งแกร่งนั้นจะทำได้อย่างไร วันนี้เรามีวิธีที่จะช่วยให้ลูก ๆ ของคุณพ่อคุณแม่มีความเก่งและความแกร่ง ให้ลูกอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้ มาฝากค่ะ

ความเก่งของลูกเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนพยายามเสริมสร้างให้เจ้าตัวเล็ก แต่สมัยนี้แค่เก่งอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ลูกต้องสตรองด้วยถึงจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้ เพราะไหนจะโรคภัยต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นจึงต้องอาศัยทั้งความแข็งแรงและความฉลาด เพื่อให้ลูกแกร่งและเก่งได้ดั่งใจฝัน พร้อมปรับตัวและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้เราสามารถสร้างให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กค่ะ วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับที่ช่วยให้ลูกเก่งและสตรองมาฝากค่ะ จะมีวิธีไหนบ้างตามมาอ่านกันได้เลย

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@providence

1. ฝึกให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันเอง
เรื่องแรกเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ทำให้ได้ก่อน 3 ขวบ นั่นคือการที่ให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้ ทำกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ได้ เช่น รับประทานอาหารเอง ใส่หรือถอดเสื้อผ้าเอง ฝึกขับถ่ายเอง หรือแม้กระทั่งการเก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันค่ะ

2. ออกกำลังกายและทำกิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมือ
คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า การออกกำลังกายนอกจากจะมีประโยชน์ในแง่ของพัฒนาการทางด้านร่างกายแล้ว ยังช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดีขึ้นอีกด้วย! ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกแกร่งและเก่งได้อย่างใจฝันเลยนะคะ แต่ก่อนอื่นเรามาพูดถึงประโยชน์ทางด้านร่างกายที่ลูกจะได้รับจากการออกกำลังกายกันก่อนค่ะ คือจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตและการทำงานของหัวใจแข็งแรงขึ้น หากเป็นกิจกรรมที่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมือมัดเล็กด้วยก็จะมีประโยชน์มากๆ ค่ะ

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://pixabay.com/th/users/feeloona-694250/

3. การเล่นเสริมทักษะง่ายๆ ที่ช่วยเรื่องการคิด
“การเล่นคือหน้าที่ของเด็ก” เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเด็ก ๆ ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคม โดยการเล่นนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งมีและไม่มีอุปกรณ์ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกเล่นกับลูกได้ทุกแบบเลยนะคะ ไม่ว่าเล่นแบบไหนก็ดีต่อเจ้าตัวเล็กทั้งนั้นค่ะ

4. การเล่านิทาน
การเล่านิทานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มหาศาลต่อการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ค่ะ เพราะจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่สมบูรณ์รอบด้าน และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณพ่อคุณแม่ ช่วยเพิ่มทักษะการเข้าสังคมและมีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ที่สำคัญยังทำให้ลูกจดจำได้ดีอีกด้วย สังเกตกันไหมล่ะคะว่าเวลาที่เราเล่านิทานให้ลูกฟัง ลูกสามารถจดจำเรื่องราวในนิทานได้ดีสุด ๆ สามารถพูดถึงตัวละครและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องได้เกือบหมด

WM
ขอบคุณภาพจาก: https://unsplash.com/@kellysikkema

5. เลือกโภชนาการที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร
วิธีสุดท้ายคือเรื่องของ ‘โภชนาการ’ ค่ะ เพราะการที่ลูกได้รับโภชนาการที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกแข็งแรงก็คือเรื่องของอาหารการกิน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอตามที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน อย่างเด็กเล็กก็ไม่ควรรับประทานขนมหวานเพราะนอกจากจะไม่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังอาจทำให้ลูกฟันผุได้ด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือควรดูแลระบบทางเดินอาหารของลูกให้แข็งแรง เพราะเกือบ 80% ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่ในระบบย่อยอาหารค่ะ

ทั้ง 5 วิธีที่ DooDiDo นำมาเสนอให้กับคุณพ่อคุณแม่ในวันนี้ เป็นวิธีฝึกให้ลูกน้อยเป็นเด็กที่เก่ง ฉลาด และมีความแกร่ง เพื่อให้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถดูแลตัวเองได้ เอาตัวรอดจาดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัย การที่ลูกมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี จะทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกแห่งความจริงได้อย่างไม่ต้องห่วงเลยค่ะ

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.parentsone.com